
เบญเชื่อว่าเมื่อเพื่อน ๆ ได้ก้าวเข้ามาในวงการเรียนภาษาอังกฤษ หรือถ้าเพื่อน ๆ ทำงานในที่ทำงานที่มีคนต่างชาติเยอะ สิ่งหนึ่งที่เราจะได้ยินบ่อย บ๊อย บ่อย เลยก็คือ “How are you?”
หลายครั้งเรารู้ว่าเป็นแค่การทักทาย จริง ๆ เค้าไม่ได้อยากรู้เท่าไหร่หรอกว่าเราเป็นไงบ้าง 555
แรก ๆ เบญเองก็ตอบไม่ทัน เพราะแค่เดินผ่านกัน ไอเราก็รู้สึกผิดที่มัวแต่อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ไม่รู้จะตอบอะไร แบบนี้ถูกมั้ย แบบนั้นสวยมั้ย จนเค้าเดินหายไป
เบญก็เลยลองหาคำตอบสั้น ๆ มาให้เพื่อน ๆ เรียนกันวันนี้ เพราะการทักทายเป็นอีกหนึ่งประโยคภาษาอังกฤษกันตายที่เราควรรู้
เพราะอย่างน้อยถ้าเค้าถามเราเพราะอยากได้คำตอบจากเราจริง ๆ และอยากคุยกับเราต่อ เมื่อเราเตรียมตัวมาดีแล้ว ก็ตอบได้เลย จะได้ไม่จบประโยคด้วยแค่รอยยิ้มแบบสยามเมืองยิ้มของเรา
หลายครั้งเมื่อเราได้ยินคำถามว่า How are you? สิ่งที่เบญเคยได้เรียนมาสมัยเด็กคือ ยิ้ม ยืนตัวแข็ง
และตอบว่า ไอ ฟาย แต้งกิ้ว แอนยู้ และคาดหวังว่าเค้าจะตอบว่า ไอ ฟาย แต้งกิ้ว ซิทดาวพลีส
แต่จริง ๆ แล้ว มันมีอีกหลากหลายพันคำตอบที่เราสามารถตอบได้ค่ะ ไปดูด้วยกันเลยดีกว่า ว่าประโยคตอบคำถาม How are you? ที่เบญเอามาให้ดูนั้นมีอะไรบ้าง
เพื่อน ๆ ต้องลองฟังประโยคให้ดีนะคะ ว่าเป็นยังไงบ้าง ไม่ได้มีแค่ How are you? อย่างเดียว ยังมีอีกหลายประโยคที่แปลได้เหมือนกัน
ถ้าเพื่อน ๆ สนใจคอร์สเรียนภาษาอังกฤษไว้ฝึกภาษาอังกฤษเพิ่มเติม คอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่บ้านที่ดีที่สุดคลิกที่นี่ได้เลยค่ะ > คอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่บ้านที่ดีที่สุด
① ตัวอย่างคำถาม “เธอเป็นยังไงบ้าง”
How are you? ฮาว อารฺ ยู
How's it going? ฮาว สิทฺ โกอิ้ง
What's up? ว็อท ซัพฺ
What's happening? ว็อทสฺ แฮพเปินนิง
② ตัวอย่างการตอบคำถาม “How are you?”
- Fine. ไฟนฺ
เป็นการตอบตรง ๆ แบบขวานผ่าซาก 55 แต่มันอาจจะทำให้คนฟังรู้สึกว่าเพื่อนๆไม่อยากจะคุยอะไรต่อแล้ว อาจจะเป็นการตอบแบบตัดบทได้ ถ้าเกิดว่าเพื่อน ๆ ไม่ได้พูดอย่างอื่นต่อ
- Not bad. น็อท แบดฺ
คำตอบนี้ก็ดีกว่าอันแรกนิดนึง ดูเป็นมิตรมากกว่า
- Fine, thanks. ไฟนฺ แซ็งสฺ(แลบลิ้น)
อันนี้เป็นการตอบคำถามแบบค่อนข้างเป็นทางการ หรือว่าตอบกับคนที่เราอาจจะไม่ได้สนิทด้วย
- Very well, thanks. เฟรี เว็ล แซงสฺ
- Pretty good. พริทที กึดฺ
- Great! How are you doing? เกร็ท ฮาว อารฺ ยู ดูอิง
เป็นคำตอบที่ใส่ความตื่นเต้นเข้าไปด้วย และเป็นสิ่งที่ดีเวลาที่เราถามคำถามกลับกับคนที่ถามเรา และทำให้เค้ารู้ว่าเราอยากคุยกับเค้าต่อ
- I'm hanging in there. ไอม แฮงงิ้ง อิน แด (แลบลิ้น) แปลว่า มันยากนะ แต่ฉันจะสู้
คำตอบนี้เป็นการบอกว่าเราวันนี้เราเหนื่อยเหลือเกิน ทุกออย่างยากไปหมดเลย (บวกการทำหน้าเศร้า ๆ ไปด้วยก็ได้นะ 555)
- I've been better. ไอฟฺ (กัดริมฝีปากล่าง) บีน เบ็ทเทอรฺ แปลว่า ฉันก็ดีขึ้นแล้วนะ
ส่วนใหญ่คนทั่วไปจะตอบว่า ฉันสบายดี เวลาที่มีคนถามว่า ฮาว อาร์ ยู แต่ถ้าเกิดเพื่อน ๆ ใช้คำตอบนี้ หรือคำตอบที่ทำให้รู้สึกว่าเราไม่ค่อยสบายนัก ก็แปลว่าเราอยากจะเล่าให้คนถามฟังว่าเกิดอะไรขึ้น ทั่วไปแล้วเค้าก็จะถามเรากลับว่า What’s wrong? ว็อทสฺ รอง ตัวอย่างในการตอบคำถามนะคะ
A: How are you? เป็นไงบ้าง
B: I've been better. ฉันก็ดีขึ้นแล้วนะ
A: What's wrong? เกิดอะไรขึ้นหรอ
B: I just found out that I'm being laid off. ฉันเพิ่งรู้ว่าฉันโดนไล่ออก T_T
③ ตัวอย่างการตอบคำถาม How's it going?
สำหรับคำถามนี้นะคะ ก็จะคล้ายกันกับ “How are you?”
เพราะฉะนั้นคำตอบที่เราเรียนมาด้วยกันทั้งหมดข้างบนก็สามารถตอบได้กับคำถามนี้เช่นเดียวกันค่า
ข้างล่างนี้จะเป็นตัวอย่างของการตอบคำว่า “How’s it going?” แต่คำตอบนี้จะใช้ตอบไม่ได้กับคำถาม “How are you?” นะคะ
- It's going well. อิทส์ โกอิ้ง เว็ล
อันนี้เป็นคำถามที่ฟังดูแล้วคนตอบเป็นมิตร และก็สุภาพค่ะ เหมาะสำหรับคุยกับคนที่ทำงานด้วยกัน ลูกค้า หรือคนรู้จักที่ไม่ได้เจอกันมานานพอสมควร
④ ตัวอย่างการตอบคำถาม What's up? และ What's happening?
สองคำถามนี้นะคะ จะแปลได้ประมาณว่า “ตอนนี้ชีวิตของคุณเป็นไงบ้าง เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของคุณบ้าง”
แต่ถ้าเราไม่ได้อยากจะตอบยาว ๆ เล่าเรื่องชีวิตทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาของเราว่ามันยากลำบาก หรือสนุกสนานแค่ไหน เราก็อาจจะตอบสั้น ๆ ได้ว่า
- Nothing much. น็อทซิง(แลบลิ้น) มัชฺ
นี่เป็นคำตอบที่เราได้ยินกันบ่อย และเราก็อาจจะเพิ่มเรื่องใดเรื่องนึงที่น่าสนใจที่เกิดขึ้นกับเราเร็ว ๆ นี้ เช่น
“Nothing much. Just getting ready for Somchai's graduation.” แปลว่า ก็ไม่มีอะไรมากนะ แค่กำลังเตรียมงานเรียนจบของน้องสมชาย
- Not a lot. น็อทฺ อะ ล็อทฺ
อันนี้ก็เป็นคำตอบที่คนใช้กันค่อนข้างเยอะเช่นกัน แต่น้อยกว่า “Nothing much” เพราะฉะนั้นเพื่อนๆ สามารถเลือกใช้คำตอบนี้ได้ ถ้าไม่อยากซ้ำกับคนอื่น
- Nothing. น็อทซิง (แลบลิ้น)
เอิ่ม..คำตอบนี้แปลว่า ไม่มีอะไรนะ แต่ว่ามันอาจจะทำให้เพื่อน ๆ ดูเหมือนคนกำลังโกรธหรือค่อนข้างหยาบคาย เหมือนเราไม่อยากจะตอบคนที่ถามเรา
เพราะฉะนั้นถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องใช้ดีกว่าจ้า และจะหาว่าไม่เตือนนะ 5555
- Oh, just the usual. โอ้ จัสฺท์ ฺดิ (แลบลิ้น) ยูชัวลฺ
คำตอบนี้นะคะ เป็นคำตอบที่บอกว่า ก็เหมือนเดิมนะ ทำเหมือนทุกวันที่ทำอยู่ ไม่มีอะไรมากมาย
- Just the same old same old. จัสฺทฺ เดอะ(แลบลิ้น) เซม โอลดฺ เซม โอลดฺ
คำตอบนี้ก็จะคล้าย ๆ กับอันก่อน กำลังอยากจะสื่อสารให้กับคนถามว่า มันก็เหมือนเดิมนะ เหมือนกับทุกวัน และก็รู้สึกเบื่อหน่อย ๆ แล้วด้วย (เบญแนะนำว่าอย่าใช้คำตอบนี้ตอบกับบอสของเราค่ะ แหะ ๆ)
นอกจากคำตอบที่เราได้เรียนด้วยกันแล้วข้างบนนี้ เราก็ต้องจำไว้ด้วยว่า หลายครั้งที่ “How are you? เป็นแค่คำทักทายที่เหมือนกับคำว่า “Hi/Hello”
ถ้าเรารู้สึกแบบนั้นเราอาจจะไม่ต้องใช้คำตอบข้างบน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่พูดอะไรเลยแล้วเดินหนี หรือคิดในใจว่า โถ่เอ้ย ก็แค่อยากพูดเฉย ๆ ไม่ได้อยากฟังคำตอบเราซะหน่อย ไม่ต้องคิดแบบนั้นนะคะ
ถ้าเค้าพูดเป็นการทักทาย เราก็สามารถทักทายเค้ากลับได้เลย มันก็จะยิ่งดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น เช่น
A: How are you? ฮาว อาร์ ยู
B: Hey, how's it going? เฮ้ ฮาว สิท โกอิ้ง
เพื่อไม่ให้เป็นการงง ๆ ว่า แล้วตกลงฉันควรจะตอบคำถามนั้น หรือทักทายกลับไป
เอ๊ะ หรือว่าเค้าแค่อยากเซย์ฮัลโหล ที่ไม่มีคำว่าฮัลโหล เบญมีตัวอย่างสถานการณ์จำลองมาให้ค่ะ ว่าถ้าเค้าอยู่ในสถานะแบบนี้
สิ่งที่เค้าพูดอาจจะเป็นแค่คำทักทาย และไม่ต้องการคำตอบก็ได้
3 วิธี สังเกตุว่าเค้าแค่ทักทายเราเฉย ๆ หรือต้องการคำตอบจริง ๆ
วิธีที่ 1 เค้าแค่เดินผ่านเรา และพูดผ่าน ๆ ไม่ได้หยุดเพื่อรอฟังคำตอบของเรา
ช่วงแรก ๆ ที่เบญได้ร่วมงานกับคนต่างชาติ เบญก็งงอยู่เหมือนกัน ว่าเราตอบช้า หรือเค้าเดินเร็ววะ ทำไมตอบคำถามแค่ “I’m good” สองพยางค์ยังพูดไม่ทันเลย 555
และก็ได้มารู้ทีหลังว่า อ๋อ มันเป็นแค่คำทักทายของเค้า
ภาษาไทยเรียนว่า ถามเป็นมารยาท เหมือนคนไทยชอบพูดเวลาเจอคนอื่นว่า “อ้าวแม่แตงไทย กินข้าวยัง” เราไม่ได้คาดหวังให้เค้ามากินข้าวกับเรา หรือซื้อข้าวให้เค้ากิน
แต่เป็นมารยาทในการถาม หลังจากนั้นเบญก็เลยเรียนรู้ที่พูดแค่ “Hi” หรือ “How are you?” กลับไป
วิธีที่ 2 เค้ากำลังโบกมือทักทาย ในขณะที่ถามคำถามนั้นอยู่
การทักทายของคนต่างชาติส่วนใหญ่จะเป็นการโบกมือ หรือจับมือ หรือกอด จะไม่ได้ใช่การพนมมือไหว้ สวัสดีค่ะ เหมือนของเรา
เพราะฉะนั้น เวลาเค้าเดินผ่านถ้าเราพูดอะไรไม่ทันจริง ๆ ก็แค่โบกมือตอบรับ เป็นการเซย์ไฮ ก็ได้นะคะ
วิธีที่ 3 โทนเสียงของเค้าไม่ได้จบด้วยเสียงสูง เหมือนกับคำถาม
ข้อสังเกตุข้อนี้ค่อนข้างยากนะคะ เพราะบางคนบางคนเค้าพูดเร็วและเราก็มัวแต่ตั้งใจฟังว่าเค้าพูดอะไรจนเราลืมฟังว่าเค้าจบด้วย “ยู้” หรือ “ยู” แต่ถ้าเราฟังบ่อย ๆ ก็จะเริ่มแยกออกได้ไม่ยากค่ะ
หวังว่าความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ วันนี้ที่เบญตั้งใจเอามาฝากกัน จะช่วยเพื่อน ๆ ให้มั่นใจมากขึ้นว่าเมื่อเราเห็นคนต่างชาติเดินผ่าน เราจะได้ไม่ต้องไปหลบหลังเสาไฟ ทำเป็นเล่นโทรศัพท์ หรือยืนยิ้มอย่างเดียว
แต่เราสามารถเซย์ไฮก่อนได้ และถามคำถามเหล่านี้ หรือมั่นใจว่าเรารู้ว่าเค้าจะถามอะไร และเรามีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้ว
ก็จะนำเราไปอีกระดับนึง ที่จะเริ่มมั่นใจในภาษาที่สองของเราได้ค่ะ เพราะโดยประสบการณ์ส่วนตัวที่ทำงานและรู้จักกับคนต่างชาติมานั้น
การพูดแค่ “hi / hello” สั้น ๆ ก็ดีกว่าไม่พูดอะไรเลย หรือเดินหนี เพราะสำหรับคนต่างชาติแล้ว การทักทาย และการบอกลา เป็นเรื่องสำคัญกับพวกเค้ามาก
และถ้าเราทำเหนียงอาย ไม่พูด ไม่ทัก ไม่คุย ไม่มอง สำหรับเค้าแล้วถือเป็นสิ่งที่หยาบคายมาก ๆ อย่างหนึ่งเลยค่ะ
ในโพสต์วันนี้ เมื่อเรารู้จักเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยกันแล้ว เบญรับรองได้เลยว่า เราจะมีเพื่อนต่างชาติเพิ่มขึ้นอีกหลายคนเลย
แม้กระทั่งเราอาจจะยังพูดไม่ได้มากก็ตาม แต่เพื่อน ๆ สามารถอ่านประโยคภาษาอังกฤษทั่วไป ที่ใช้ได้ในทุก ๆ สถานการณ์ได้นะคะ เผื่อว่าวันหลังเราอาจจะได้คุยมากกว่าแค่ ไฮ กับ ฮัลโล
หรือว่าเพื่อน ๆ สามารถหาลงเรียนคอร์สภาษาอังกฤษที่เน้นการสนทนาในชีวิตประจำวัน หรือแม้กระทั่งคอร์สเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว
ที่จะช่วยให้เพื่อน ๆ ฝึกพูดภาษาอังกฤษต่อหน้าคนอื่น และสร้างความมั่นใจเพิ่มขึ้นให้กับเพื่อน ๆ อีกด้วยค่ะ
เบญมีคอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่ได้แนะนำไว้กับเพื่อน ๆ ที่สนใจเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ด้วยตัวเอง เขียนไว้ในอีกโพสต์นึง
ถ้าเพื่อน ๆ สนใจเรียนภาษาอังกฤษเพิ่ม สามารถกดปุ่มข้างใต้นี้ และลองเข้าไปหาคอร์สเรียนที่ตัวเองชอบได้เลยจ้า
ถ้าเพื่อน ๆ คนไหน เคยได้ยินประโยคการทักทายอื่น ๆ เป็นภาษาอังกฤษ นอกเหนือกับที่เบญได้นำมาากกันวันนี้
สามารถคอมเม้นไว้ใต้โพสต์นี้เพื่อเป็นความรู้เพิ่มเติมให้กับเพื่อน ๆ คนอื่นที่จะเข้ามาอ่านโพสต์นี้ และเราจะเก่งภาษาอังกฤษไปพร้อม ๆ กันค่า
Ben is an excellent teacher you will enjoy learning with her!
Thank you so much! I’ll do my best.