
เบญเชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนก็คงเคยคิดในใจเสมอว่า ทำไมเราถึงต้องเรียนภาษา? โดยเฉพาะภาษาที่สอง สาม สี่ ห้า ปัจจุบันแค่ภาษาแรกของเราภาษาเดียวก็ยังเรียนไม่ผ่านเลย
เบญเองก็เคยคิดแบบนั้นอยู่เหมือนกันค่ะ แลบางครั้งตอนนี้ก็ยังมีบ้างที่ถามคำถามนั้นอยู่ 555
สมัยเด็ก ๆ ตอนที่เรียนมัธยม ที่โรงเรียนก็จะมีสอนภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น และเรียน 3 วิชานี้ในอาทิตย์เดียวกันจ้า
ตอนนั้นเราเองก็รู้สึกนะ ว่าทำไมเราถึงต้องเรียนภาษาอื่นด้วย ทั้ง ๆ ที่ภาษาไทยที่เป็นภาษาหลักของเราก็ยากจะตายอยู่แล้ว (สอบตกตลอด อิอิ)
แถมยังต้องมาแบ่งเศษส่วนสมองให้มานั่งจำคำศัพท์ของภาษาอื่น ๆ อีก
สำหรับเบญแล้ว การเรียนภาษา เป็นอีกหนึ่งอยากที่ยากมากค่ะ เบญไม่สามารถพูดได้เต็มปากจริง ๆ ว่า เรียนภาษานั้นง่าย ๆ แป๊บเดียวก็เก่ง อู๊ย สบายจิมๆ
เพราะความจริงแล้ว การเรียนภาษามันยากกกกกกก!! เพราะ…
① เป็นภาษาอื่นไม่ใช่ภาษาที่เราคุ้นเคย
แน่นอนอยู่แล้วค่ะ เวลาที่เรียนภาษาที่สอง สาม สี่ ห้านั้น ต้องเป็นภาษาที่เราไม่รู้จัก หรือไม่ได้เกิดมาใช้ภาษานั้นเป็นภาษาแรกอยู่แล้ว
ก็ยิ่งจะทำให้เรายิ่งเครียด เพราะต้องเรียนจาก 0 กว่าจะไปถึง 100 นั้น ก็ไม่ง่ายเลย
สำหรับการเรียนภาษานั้น เบญบอกได้เลยค่ะ ว่าเราจะไม่มีวันรู้สึกว่าเรียนหมดแล้ว หรือรู้เกี่ยวกับภาษานั้นแล้ว 100% เพราะการเวลาเปลี่ยนไป ก็จะมีคำพูดใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแสลง คำเปรียบเทียบ
ขนาดเบญเองยังรู้สึกว่าไม่รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับภาษาไทยเลยค่ะ แม้กระทั่งภาษาไทยเป็นภาษาแรกของเบญ
② ไม่ใช่แค่แต่เรียนภาษา แต่เป็นการเรียนวัฒธรรมของภาษาด้วย
สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราประสบความสำเร็จในการเรียนภาษาก็คือ เมื่อเราใช้หรือพูดภาษานั้นออกมาอย่างธรรมชาติ ไม่ต้องแปลคำต่อคำจากภาษาไทย
จะทำแบบนั้นได้ เราก็ต้องคิดเหมือนเจ้าของภาษา และเรียนรู้วัฒนธรรมของเค้า เท่ากับว่าเราต้องเรียน 2-3 อย่างควบคู่กันไป แม้กระทั่งในตอนนั้นเรากำลังเรียนแค่ภาษาเดียวก็ตาม
③ เรียนมาแทบตาย ถ้าไม่ได้ใช้ก็ลืมหมด
การเรียนภาษา ไม่ใช่แค่ยากอย่างเดียวนะคะ แต่เราต้องลงทุนกันหลายอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็น เวลา เงิน ความจำ ความขยัน ความตั้งใจ บลา ๆ ๆ
ของแถมอีกอย่างหนึ่งก็คือ… ต่อให้เราเรียนมามากขนาดไหน นานขนาดไหน ถ้าเราไม่ได้ใช้เลย เราก็มีสิทธิ์ลืมค่ะ เช่น
เราอาจจะเรียนภาษาอังกฤษมาหลายปี พูดเก่ง ฟังเก่ง แต่หลังจากนั้น เราก็ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษอีกเลย มันอาจจะไม่หายไปหมดเลยนะคะ
แต่เราอาจจะไม่ได้พูดคล่อง ฟังคล่องเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เป็นเรื่องที่เศร้าจริง ๆ
แต่ แต่ แต่ อย่าเพิ่งปิดหน้านี้ค่ะ!!
แม้กระทั่ง การเรียนภาษานั้นยาก และเราก็คอยถามตัวเองว่า ทำไมต้องเรียนภาษา? อยู่ตลอดเวลา
แต่เชื่อเบญเถอะค่ะ ว่าการเรียนภาษานั้นมีข้อดีอยู่หลายอย่างมาก จนทำให้ เมื่อบวก ลบ คูณ หาร กันกับข้อเสียแล้ว ยังไงก็คุ้มค่าค่ะ
เรามาดูไปพร้อม ๆ กันเลยค่ะ ว่าทำไมต้องเรียนภาษา? เรียนภาษามันดียังไง?
① เปิดโลก เปิดตา ให้กว้างขึ้นกว่าเดิม

ไปท่องเที่ยวแบบใหม่ สนุกกว่าเดิม
มันสำคัญมาก ๆ เลยค่ะ ที่เราควรได้มีโอกาส เปิดหู เปิดตา ได้เรียนรู้ เห็น หรือได้ทำสิ่งที่ใหม่ ๆ ในที่ใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพื่อที่เราจะได้ไม่รู้สึกว่า ติดอยู่กับสิ่งเดิม ๆ เรื่องเดิม ๆ ตลอดเวลา
การเรียนภาษาจะช่วยให้เราได้มีโอกาส ได้ไปเที่ยวที่อื่น ในอีกมุมหนึ่ง ที่เราสามารถอ่านภาษาอื่น ๆ ได้ ไม่ต้องมีล่าม หรือไกด์ ที่ต้องคอยแปลให้เราเสมอ สงสัยอะไร ก็สามารถถามคนเจ้าถิ่นได้เลย
แม้เค้าจะไม่สามารถพูดภาษาไทยได้ก็ตาม แต่เราพูดภาษาของเค้าได้สักอย่าง จะกลัวอะไร
เบญเคยเป็นคนนั้นที่รู้สึกว่า เฉย ๆ กับการต้องกระตือรือร้นในการขวนขวายเรียนภาษา ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นคนชอบภาษาอังกฤษนะคะ
แต่ก็เรียนนิดหน่อย จากโรงเรียนก็พอ ไม่เคยคิดอยู่แล้วว่าในชีวิตจะมีโอกาสได้ใช้ภาษาอังกฤษ หรือภาษาญี่ปุ่น
อยู่มาวันนึง เบญมีโอกาสได้ไปประเทศฟิลิปปินส์ ตอนอายุ 17 เป็นการออกนอกประเทศครั้งแรกในชีวิตเลยก็ว่าได้ ตอนนั้นตื่นเต้นสุด ๆ และก็แอบมีความกลัวด้วย
เพราะทุกสิ่งที่ทำตอนนั้นเป็นครั้งแรกหมดค่ะ ไม่ว่าจะเป็นขึ้นเครื่องบิน ไปนอน กิน อยู่ ที่อื่น ที่ไม่ใช่บ้านตัวเอง แถมภาษาอังกฤษตอนนั้นก็ไม่ได้ดีเด่นอะไร

พอไปถึงที่นั่น เงิบเลยค่ะเพื่อน ๆ 555 จากที่คิดว่าตัวเองรู้ภาษาอังกฤษนิดหน่อยก็พอ กลายเป็นคนไม่รู้อะไรเลย เมื่อไปถึง
ต้องรอให้พี่ ๆ คนอื่น มาช่วยเรื่องกรอกแบบฟอร์มก่อนลงเครื่อง ลุ้นมาตอนคุยกับ ตม. ที่นั่นว่ามาทำอะไรที่ประเทศเค้า แต่เราก็ซ้อมบทไว้บ้าง เลยตอบไปงั้น ๆ
มีเพื่อนใหม่ได้ง่ายขึ้น แม้จะพูดคนละภาษากัน
เมื่อเราสามารถพูดภาษาอื่น ๆ ได้ เราก็ไม่ต้องกลัวเรื่องการสื่อสารอีกต่อไปค่ะ เพราะเราสามารถคุยกับคนที่ไม่ใช่คนไทยได้ จะหาเพื่อนใหม่ ก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย
เพราะเบญรู้ว่า ปัญหาที่ยืนหนึ่งที่บางครั้งเราไม่กล้ามีเพื่อนทีไม่ใช่คนไทย ก็คือ ภาษาค่ะ เพราะว่าเรากลัวว่าจะคุยกับเพื่อนคนนี้ไม่รู้เรื่อง ก็เลยเลือกที่ไม่ต้องมีเพื่อนต่างชาติดีกว่า
ช่วงที่เบญไปฟิลลิปส์ 17 เบญไปกับทีมของคนแคนนาดา และแน่นอน เค้าไม่พูดภาษาไทย อาจจะมีบ้างที่รู้จักคำว่า “ซาหวาดดีค้าาา” แต่เราไม่สามารถสื่อสารกันได้เลย

วันแรกที่เบญไปเจอพวกเค้า ให้ทายว่าเบญทำอะไร?? นั่งนิ่งจ้า 5555 เพราะพูดไม่เป็น ฟังไม่ออก เหมือนกำลังดูหนังซีรีย์ภาคอังกฤษที่ไม่มีซับไทย

แม้กระทั่งตอนนั้น เราเป็นเพื่อนกันเพราะต้องอยู่ด้วยกันทุกวัน แม้จะคุยกันไม่รู้เรื่องก็ตาม แต่เบญก็แอบหวังว่า ถ้าตอนนั้นเรารู้ภาษาอังกฤษ มากกว่านี้ เราคงคุยกับเค้าได้ เล่าเรื่องเมืองไทยให้เค้าฟัง หรือแนะนำอะไรให้เค้าลองได้บ้าง

จุดเปลี่ยน อยู่ตรงที่เมื่อเบญได้ไปเปิดหูเปิดตาแล้ว ก็ได้ตัดสินใจ และสัญญาว่า ฉันจะตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษอย่างจริงจัง
เบญได้กลับไปประเทศฟิลิปปินส์อีกครั้งหลังจากนั้นประมาณ 2 ปี และการเที่ยวครั้งนี้ก็เปลี่ยนไปโดยอย่างสิ้นเชิง
เบญมีโอกาสได้เรียนรู้วันธรรมของประเทศฟิลิปปินส์มากขึ้น และมีเพื่อนที่เป็นคนฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้นหลายคน
รวมถึงคนที่เราเคยเจอเค้าเมื่อ 2 ปีที่แล้ว แต่เราคุยกับเค้าไม่ได้ ครั้งนี้ได้คุยกันหนำใจเลยค่ะ
เบญเลยรู้สึกดีใจมากที่ตัวเองได้ตัดสินใจเรียนภาษาอังกฤษตอนนั้นค่ะ 🙂
ถ้าเพื่อน ๆ สนใจคอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่เบญชอบ และได้รวบรวมมาไว้สำหรับคนที่สนใจและอยากเก่งภาษา เข้าไปดูเพิ่มเติมได้เลยค่ะ
② มีความจำที่ดีขึ้น และช่วยพัฒนาสมอง
สิ่งหนึ่งที่ช่วยให้การเรียนภาษาของเราให้ประสบความสำเร็จก็คือ การที่เราฝึกฝน และใช้มันอย่างประจำ สม่ำเสมอ
การทำเช่นนี้บ่อย ๆ ทุกวัน จะช่วยให้ความจำของเราดีขึ้นค่ะ เพราะว่าเมื่อเราได้ใช้สมองทุกวันในการจำคำศัพท์ใหม่ ๆ
หรือเรียนเทคนิคใหม่ ๆ จากการเรียนภาษานั้น ๆ ก็จะยิ่งช่วยให้สมองของเราได้ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา

เพื่อน ๆ สังเกตุได้เลยค่ะว่า สิ่งที่เราเรียนมาจากสมัยประถมนั้น ถ้าเราไม่ได้เรียนต่อตอนมัธยม หรือมหาลัย เราก็จะคืนคุณครูไปเลย
ของเบญจะเป็นการคิดเลขค่ะ โดยเฉพาะสมัยนี้มีเครื่องคิดเลขอยู่ในมือถือ พกพาไปไหนมาไหนก็ได้ พอต้องคิดอะไรที่เกี่ยวกับตัวเอง เบญเองก็จะหยิบมือถือขึ้นมาแบบอัตโนมัติเลยค่ะ
ทำให้ตอนนี้ ถ้าต้องไปแข่งบวก ลบ เลขกับเด็ก ประถม รับรองว่าแพ้แน่นอนค่ะ
เพราะฉะนั้น ถ้าเรายังอยากให้สมองของเราทำงานอย่างคล่องแคล่ว และเพิ่มเมมโมรี่ให้กับความจำของเรา อย่าลืมเรียนภาษาอยู่เสมอ ๆ นะคะ
③ ชีวิตไม่น่าเบื่อ ท้าทายตัวเอง และเรียนรู้สิ่งใหม่

บางครั้งเรามักจะหลอกตัวเองเสมอว่าฉันยุ่งตลอดเวลาเลย ทำงานทั้งวัน เรียนทั้งวัน ไม่มีเวลาหายใจเลยด้วยซ้ำ
แต่จริง ๆ แล้ว ถ้าเรารู้จักการจัดการเวลาของตัวเอง หรือที่เรียกว่า การบริหารเวลาให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดใน 1 วัน เราจะรู้เลยว่า เรามีเวลาเยอะเลยในวันนึง
ที่เราเสียมันไปให้กับ การเลื่อนขึ้นลง Facebook หรือดูวีดีโอของกินบน YouTube (เป็นสิ่งที่เบญก็ทำอยู่เหมือนกันค่ะ 5555)
แต่พอลองมาคิดดูแล้ว ถ้าเราจัดเวลาของเราให้ดี ๆ และแบ่งเวลานั้นมา วันละ 10-20 นาที เรียนภาษาที่เราสนใจ เราสามารถเก่งภาษาได้ในไม่ช้า และเราก็จะได้ทักษะใหม่ ๆ
เพื่อไปใช้ที่มหาลัย ที่ทำงาน หรือแม้แต่ในชีวิตส่วนตัวของเราทุก ๆ วัน
เพราะฉะนั้นเบญรับรองได้เลยค่ะ ว่าการเรียนภาษานั้น จะช่วยให้เราได้ใช้เวลาว่างอันน้อยนิด หรือมาก ๆ ของเราให้เป็นประโยชน์
แต่ไม่ใช่แค่จะช่วยให้เราใช้เวลาว่างของเราให้คุ้มค่านะคะ การเรียนภาษาเป็นอีกหนึ่งสิ่งเลยที่เป็นงานอดิเรกที่ท้าทายมาก
เพราะว่าแม้กระทั่งภาษาไทยที่เราเรียนมาตั้งแต่เกิด ก็ยังมีคำอีกหลายคำที่เราไม่รู้จัก หรือไม่รู้วิธีการใช้ การเรียนภาษาที่สอง ก็เช่นกันค่ะ
เพราะในทุก ๆ ภาษามีศิลปะเป็นของตัวเอง ยิ่งเราเรียนมากเท่าไหร่ เราอาจจะยิ่งรู้สึกว่าเราต้องเรียนมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
และมันจะช่วยท้าทายชีวิตของเพื่อน ๆ ค่ะ ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนรู้สึกเบื่อ ๆ เซ็ง ๆ ไม่อยากทำอะไรเลย เบญอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ลองเริ่มเรียนภาษาค่ะ
เบญมีคอร์สเรียนที่อยากจะแนะนำให้กับเพื่อน ๆ หลายคอร์สเลยค่ะ เช่น
รวมคอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่ดีที่สุด ➝
รวมคอร์สเรียนภาษาญี่ปุ่นที่ดีที่สุด ➝
รวมคอร์สเรียนภาษาเกาหลีที่ดีที่สุด ➝
รวมคอร์สเรียนภาษาจีนที่ดีที่สุด ➝
รวมคอร์สเรียนภาษาฝรั่งเศสที่ดีที่สุด ➝
④ เปิดโอกาสให้กับการงานที่หลากหลาย

การเรียนภาษาเป็นสิ่งหนึ่งเลย ที่ท้าทายมาก ๆ ค่ะ และเบญว่ามีเพื่อน ๆ หลายคนที่อาจจะมีเพื่อน หรืออาจจะเป็นตัวเองที่กำลังอ่านโพสต์นี้อยู่ก็ได้
ที่เคยยอมแพ้กับการเรียนภาษามานับครั้งไม่ถ้วน หรือว่ารู้สึกว่าการหาแรงบันดาลใจให้กับตัวเองนั้น มันยากเย็นแสนเข็ญซะเหลือเกิน
แม้ว่าการลงทุนเรียนภาษานั้น เราอาจจะไม่เห็นสิ่งที่เราจะได้รับ หรือกำไรจากมันเมื่อเราเริ่มตันเรียน เหมือนเป็นการซื้อคันเบ็ด กับเหยื่อมา และโยนมันลงไปในน้ำ หวังว่าจะมาติดเบ็ด เพื่อที่เราจะได้อะไรคืนจากสิ่งที่ลงทุนไปบ้าง
แต่เบญบอกเลยนะคะ ว่าการเรียนภาษานั้น เพื่อน ๆ ได้กำไร 100% และเป็นสิ่งมีค่าที่จะอยู่ติดตัวเพื่อน ๆ ตลอดไป รวมถึงสามารถแบ่งปันให้คนที่เรารู้จักด้วย หรือได้ขึ้นเงินเดือนจากที่ทำงาน เพราะฉะนั้น มันคุ้มยิ่งกว่าคุ้มค่ะ
โดยเฉพาะการเรียนภาษานั้นจะช่วยเพื่อน ๆ เรื่องโอกาสทางการหางานในปัจจุบัน มีหลากหลายอาชีพที่เค้าต้องการคนที่ใช้ภาษาอื่นได้นอกเหนือจากภาษาไทย และเงินเดือนเองก็ไม่ใช่น้อย ๆ เลยค่ะ
ตั้งแต่เด็กแล้ว ความฝันของเบญคือ อยากเป็นคุณครู แต่ก่อนหน้าที่จะได้เรียนภาษาอังกฤษ ก็ไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองจะสามารถเป็นครูวิชาอะไรได้
เพราะตัวเองไม่ได้ชอบ หรือเก่งวิชาอื่นเลย นอกจากภาษาอังกฤษ แต่ก็ไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษเช่นกัน
จนเมื่อเบญตัดสินใจเรียนภาษาอังกฤษ และเริ่มพูดได้ ฟังได้ และเข้าใจภาษาอังกฤษมากขึ้น เบญเองก็ได้มีโอกาสทำงานที่โรงเรียนภาษาอังกฤษ
และตอนนั้นก็มีความสุขมากค่ะ เพราะรู้สึกว่าความฝันของเราเป็นความจริงแล้ว

แต่ที่มากไปกว่านั้นก็คือ เบญมีโอกาสได้เป็นอาสาสมัคร สอนภาษาอังกฤษฟรีให้กับเด็ก ๆ ในหมู่บ้านใกล้ ๆ ที่เค้าไม่มีโอกาส และทุนทรัพย์ที่จะได้ไปเรียนภาษาข้างนอก

เบญเลยรู้สึกดีใจมาก ๆ ที่วันนั้นตัวเองได้ตัดสินใจเลือกที่จะเรียนภาษาอังกฤษ เพราะว่าชีวิตของเบญก็ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงค่ะ
ได้มีโอกาสทำงานในอาชีพที่ตัวเองใฝ่ฝัน ได้ใช้ความรู้ของเราถ่ายทอด สอนให้กับเด็ก ๆ รุ่นต่อไป คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้มเลยค่ะ 🙂
⑤ เพิ่มระดับความมั่นใจให้สูงขึ้น

ความมั่นใจเป็นสิ่งหนึ่ง ที่เราทุกคนเองก็ต้องการในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นที่โรงเรียน ที่บ้าน ที่ทำงาน หรือการใช้ชีวิตประจำวันทั่วไป
เบญเพิ่งเริ่มมาสังเกตุในหลาย ๆ ปีนี้ ที่เบญรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนขี้อายมาก ๆ เมื่อมองย้อนกลับไปในอดีต
สมัยที่เบญเป็นเด็ก เบญเป็นคนขี้อายมาก ๆ ไม่ชอบขึ้นไปยืนบนเวที ไม่ชอบพูดต่อหน้าคนอื่น ไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า ไม่ชอบทำอะไรที่มันยากหรือในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน
เพราะฉะนั้นถ้าให้เบญเลือกทำกิจกรรมอะไรก็ตาม เบญจะเลือกแค่ทาสีอยู่ในห้อง หรือทาน้ำยาฆ่าปลวกเคลือบเก้าอี้ มากกว่าออกไปพูดอะไรบนเวที

จนเมื่อได้เรียนภาษาอังกฤษ ได้เรียนรู้วัฒนธรรมของประเทศอื่น ๆ โดยการได้คุยกับเพื่อน ๆ ที่มาจากประเทศอื่น และรู้สึกเหมือนเราได้รับความมั่นใจของเรากลับขึ้นมาค่ะ
จริง ๆ เราทุกคนมีดีอยู่ในตัว แต่เราแค่รู้สึกไม่มั่นใจที่จะต้องใช้มันในทางที่ถูกต้อง
การเรียนภาษา เป็นสิ่งหนึ่งที่เสริมความมั่นใจให้กับเรา ไม่ได้หมายความว่าถ้าเพื่อน ๆ ไม่เรียนภาษาแล้วจะมีความมั่นใจไม่ได้ หรือทำอย่างอื่นเพื่อเพิ่มความมั่นใจไม่ได้
แต่ภาษาเป็นอีก 1 ตัวเลือกของเพื่อน ๆ ที่อยากจะเพิ่มความมั่นในตัวเองค่ะ เพราะว่าเวลาเราเรียนภาษานั้น ๆ เราก็จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของเค้า
และส่วนใหญ่พวกวัฒนธรรมเหล่านั้นจะช่วยให้เรามีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
เช่น เวลาที่เบญเรียนภาษาอังกฤษ และมีเพื่อนเป็นคนต่างชาติ พวกเค้าสอนให้เบญเรียนรู้ที่จะพูดในสิ่งที่เราคิด แสดงความคิดเห็นของตัวเอง กล้าตอบรับ
และกล้าปฏิเสธเมื่อเราไม่อยากทำอะไรบางอย่าง โดยไม่ต้องอายและไม่ต้องกลัว
ถ้าเพื่อน ๆ ยังมีคำถามเพิ่มเติม เกี่ยวกับการเรียนภาษา หรือไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องเริ่มต้นยังไง หรืออาจจะกำลังเรียนอยู่และรู้สึกหมดกำลังใจ หรือตัน
สามารถทิ้งคำถามของเพื่อน ๆ ไว้ในคอมเม้นใต้โพสต์นี้ได้เลยนะคะ
หรือว่าเพื่อน ๆ มีเหตุผลอื่น ๆ อีกที่เป็นคำตอบของคำถามที่ว่า ทำไมต้องเรียนภาษา? ก็สามารถเม้นไว้ให้เบญและเพื่อน ๆ คนอื่นอ่านได้ค่ะ