เบญเชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนก็คงเคยคิดในใจเสมอว่า ทำไมเราถึงต้องเรียนภาษา? โดยเฉพาะภาษาที่สอง สาม สี่ ห้า ปัจจุบันแค่ภาษาแรกของเราภาษาเดียวก็ยังเรียนไม่ผ่านเลย
เบญเองก็เคยคิดแบบนั้นอยู่เหมือนกันค่ะ แลบางครั้งตอนนี้ก็ยังมีบ้างที่ถามคำถามนั้นอยู่ 555
สมัยเด็ก ๆ ตอนที่เรียนมัธยม ที่โรงเรียนก็จะมีสอนภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น และเรียน 3 วิชานี้ในอาทิตย์เดียวกันจ้า
ตอนนั้นเราเองก็รู้สึกนะ ว่าทำไมเราถึงต้องเรียนภาษาอื่นด้วย ทั้ง ๆ ที่ภาษาไทยที่เป็นภาษาหลักของเราก็ยากจะตายอยู่แล้ว (สอบตกตลอด อิอิ)
แถมยังต้องมาแบ่งเศษส่วนสมองให้มานั่งจำคำศัพท์ของภาษาอื่น ๆ อีก
สำหรับเบญแล้ว การเรียนภาษา เป็นอีกหนึ่งอยากที่ยากมากค่ะ เบญไม่สามารถพูดได้เต็มปากจริง ๆ ว่า เรียนภาษานั้นง่าย ๆ แป๊บเดียวก็เก่ง อู๊ย สบายจิมๆ
เพราะความจริงแล้ว การเรียนภาษามันยากกกกกกก!!
แต่ แต่ แต่ อย่าเพิ่งหนีกันไป!!
แม้กระทั่ง การเรียนภาษานั้นยาก และเราก็คอยถามตัวเองว่า ทำไมต้องเรียนภาษา? อยู่ตลอดเวลา
แต่เชื่อเบญเถอะค่ะ ว่าการเรียนภาษานั้นมีข้อดีอยู่หลายอย่างมาก จนทำให้ เมื่อบวก ลบ คูณ หาร กันกับข้อเสียแล้ว ยังไงก็คุ้มค่าค่ะ
เรามาดูไปพร้อม ๆ กันเลยค่ะ ว่าทำไมต้องเรียนภาษา? เรียนภาษามันดียังไง?
1. เปิดโลก เปิดตา ให้กว้างขึ้นกว่าเดิม
ไปท่องเที่ยวสนุกกว่าเดิม
มันสำคัญมาก ๆ เลยค่ะ ที่เราควรได้มีโอกาส เปิดหู เปิดตา ได้เรียนรู้ เห็น หรือได้ทำสิ่งที่ใหม่ ๆ ในที่ใหม่ ๆ อยู่เสมอ
เพื่อที่เราจะได้ไม่รู้สึกว่า ติดอยู่กับสิ่งเดิม ๆ เรื่องเดิม ๆ ตลอดเวลา
การเรียนภาษาจะช่วยให้เราได้มีโอกาส ได้ไปเที่ยวที่อื่น ในอีกมุมหนึ่ง ที่เราอ่านภาษาอื่น ๆ ได้ ไม่ต้องมีล่าม หรือไกด์
สงสัยอะไร ก็ถามคนเจ้าถิ่นได้เลย แม้เค้าจะพูดภาษาไทยไม่ได้ก็ตาม แต่เราพูดภาษาของเค้าได้สักอย่าง จะกลัวอะไร
เบญเคยเป็นคนนั้นที่รู้สึกว่า เฉย ๆ กับการต้องกระตือรือร้นในการขวนขวายเรียนภาษา
ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นคนชอบภาษาอังกฤษ แต่ก็เรียนนิดหน่อย จากโรงเรียนก็พอ ไม่เคยคิดอยู่แล้วว่าในชีวิตจะมีโอกาสได้ใช้ภาษาอังกฤษจริง ๆ
อยู่มาวันนึง เบญมีโอกาสได้ไปประเทศฟิลิปปินส์ ตอนอายุ 17
เป็นการออกนอกประเทศครั้งแรกในชีวิตเลยก็ว่าได้ ตอนนั้นตื่นเต้นสุด ๆ และก็แอบมีความกลัวด้วย
เพราะทุกสิ่งที่ทำตอนนั้นเป็นครั้งแรกหมดค่ะ ไม่ว่าจะเป็นขึ้นเครื่องบิน ไปนอน กิน อยู่ ที่อื่น ที่ไม่ใช่บ้านตัวเอง แถมภาษาอังกฤษตอนนั้นก็ไม่ได้ดีเด่นอะไร
![ทำไมต้องเรียนภาษา เรียนภาษาดียังไง](https://fightforfluency.com/wp-content/uploads/2019/06/549735_3337596090995_732219970_n.jpg)
พอไปถึงที่นั่น เงิบเลยค่ะ 555 จากที่คิดว่าตัวเองรู้ภาษาอังกฤษนิดหน่อยก็พอ กลายเป็นคนไม่รู้อะไรเลย เมื่อไปถึง
ต้องรอให้พี่ ๆ คนอื่น มาช่วยเรื่องกรอกแบบฟอร์มก่อนลงเครื่อง ลุ้นมาตอนคุยกับ ตม. ที่นั่นว่ามาทำอะไรที่ประเทศเค้า แต่เราก็ซ้อมบทไว้บ้าง เลยตอบไปงั้น ๆ
มีเพื่อนใหม่ได้ง่ายขึ้น แม้จะพูดคนละภาษากัน
เมื่อเราพูดภาษาอื่นได้ เราก็ไม่ต้องกลัวเรื่องการสื่อสารอีกต่อไปค่ะ การหาเพื่อนใหม่ ก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย
เพราะเบญรู้ว่า ปัญหาที่ยืนหนึ่งที่บางครั้งเราไม่กล้ามีเพื่อนทีไม่ใช่คนไทย ก็คือ ภาษาค่ะ เพราะว่าเรากลัวว่าจะคุยกับเพื่อนคนนี้ไม่รู้เรื่อง ก็เลยเลือกที่ไม่ต้องมีเพื่อนต่างชาติดีกว่า
ช่วงที่เบญไปฟิลลิปส์ เบญไปกับทีมของคนแคนนาดา และแน่นอน เค้าไม่พูดภาษาไทย อาจจะมีบ้างที่รู้จักคำว่า “ซาหวาดดีค้าาา” แต่เราคุยกันไม่รู้เรื่องเลย
![ทำไมต้องเรียนภาษา เรียนภาษาดียังไง](https://fightforfluency.com/wp-content/uploads/2019/06/396499_3600709024608_1011318815_n.jpg)
วันแรกที่เบญไปเจอพวกเค้า ให้ทายว่าเบญทำอะไร?? นั่งนิ่งจ้า 5555 เพราะพูดไม่เป็น ฟังไม่ออก เหมือนกำลังดูหนังซีรีย์ภาคอังกฤษที่ไม่มีซับไทย
![ทำไมต้องเรียนภาษา เรียนภาษาดียังไง](https://fightforfluency.com/wp-content/uploads/2019/06/68310_296046093843177_813137524_n.jpg)
แม้กระทั่งตอนนั้น เราเป็นเพื่อนกันเพราะต้องอยู่ด้วยกันทุกวัน แม้จะคุยกันไม่รู้เรื่องก็ตาม
แต่เบญก็แอบหวังว่า ถ้าตอนนั้นเรารู้ภาษาอังกฤษ มากกว่านี้ เราคงคุยกับเค้าได้ เล่าเรื่องเมืองไทยให้เค้าฟัง หรือแนะนำอะไรให้เค้าลองได้บ้าง
จุดเปลี่ยน อยู่ตรงที่เมื่อเบญได้ไปเปิดหูเปิดตาแล้ว ก็ได้ตัดสินใจ และสัญญาว่า ฉันจะตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษอย่างจริงจัง
เบญได้กลับไปประเทศฟิลิปปินส์อีกครั้งหลังจากนั้นประมาณ 2 ปี และการเที่ยวครั้งนี้ก็เปลี่ยนไปโดยอย่างสิ้นเชิง
เบญมีโอกาสได้เรียนรู้วันธรรมของประเทศฟิลิปปินส์มากขึ้น และมีเพื่อนที่เป็นคนฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้นหลายคน
รวมถึงคนที่เราเคยเจอเค้าเมื่อ 2 ปีที่แล้ว แต่เราคุยกับเค้าไม่ได้ ครั้งนี้ได้คุยกันหนำใจเลยค่ะ
เบญเลยรู้สึกดีใจมากที่ตัวเองได้ตัดสินใจเรียนภาษาอังกฤษตอนนั้นค่ะ 🙂
2. มีความจำที่ดีขึ้น และช่วยพัฒนาสมอง
สิ่งหนึ่งที่ช่วยให้การเรียนภาษาของเราให้ประสบความสำเร็จก็คือ การที่เราฝึกฝน และใช้มันอย่างประจำ สม่ำเสมอ
การทำเช่นนี้บ่อย ๆ ทุกวัน จะช่วยให้ความจำของเราดีขึ้น
เพราะว่าเมื่อเราได้ใช้สมองทุกวันในการจำคำศัพท์ใหม่ ๆ หรือเรียนเทคนิคใหม่ ๆ จากการเรียนภาษานั้น ๆ ก็จะยิ่งช่วยให้สมองของเราได้ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
สังเกตุได้เลยค่ะว่า สิ่งที่เราเรียนมาจากสมัยประถมนั้น ถ้าเราไม่ได้เรียนต่อตอนมัธยม หรือมหาลัย เราก็จะคืนคุณครูไปเลย
ของเบญจะเป็นการคิดเลขค่ะ โดยเฉพาะสมัยนี้มีเครื่องคิดเลขอยู่ในมือถือ พกพาไปไหนมาไหนก็ได้ พอต้องคิดอะไรที่เกี่ยวกับตัวเอง เบญเองก็จะหยิบมือถือขึ้นมาแบบอัตโนมัติเลยค่ะ
ทำให้ตอนนี้ ถ้าต้องไปแข่งบวก ลบ เลขกับเด็ก ประถม รับรองว่าแพ้แน่นอนค่ะ
เพราะฉะนั้น ถ้าเรายังอยากให้สมองของเราทำงานอย่างคล่องแคล่ว และเพิ่มเมมโมรี่ให้กับความจำของเรา อย่าลืมเรียนภาษาอยู่เสมอ ๆ นะคะ
3. ชีวิตไม่น่าเบื่อ ท้าทายตัวเอง และเรียนรู้สิ่งใหม่
บางครั้งเรามักจะหลอกตัวเองเสมอว่าฉันยุ่งตลอดเวลาเลย ทำงานทั้งวัน เรียนทั้งวัน ไม่มีเวลาหายใจเลยด้วยซ้ำ
แต่จริง ๆ แล้ว ถ้าเรารู้จักการจัดการเวลาของตัวเอง หรือที่เรียกว่า การบริหารเวลาให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดใน 1 วัน เราจะรู้เลยว่า เรามีเวลาเยอะเลยในวันนึง
ที่เราเสียมันไปให้กับ การเลื่อนขึ้นลง Facebook หรือดูวีดีโอของกินบน YouTube (เป็นสิ่งที่เบญก็ทำอยู่เหมือนกันค่ะ 5555)
แต่พอลองมาคิดดูแล้ว ถ้าเราจัดเวลาของเราให้ดี ๆ และแบ่งเวลานั้นมา วันละ 10-20 นาที เรียนภาษาที่เราสนใจ เราเก่งภาษาได้ในไม่ช้า
เพราะฉะนั้นเบญรับรองได้เลยค่ะ ว่าการเรียนภาษานั้น จะช่วยให้เราได้ใช้เวลาว่างอันน้อยนิด หรือมาก ๆ ของเราให้เป็นประโยชน์
แต่ไม่ใช่แค่จะช่วยให้เราใช้เวลาว่างของเราให้คุ้มค่านะคะ การเรียนภาษาเป็นอีกหนึ่งสิ่งเลยที่เป็นงานอดิเรกที่ท้าทายมาก
เพราะว่าแม้กระทั่งภาษาไทยที่เราเรียนมาตั้งแต่เกิด ก็ยังมีคำอีกหลายคำที่เราไม่รู้จัก หรือไม่รู้วิธีการใช้ การเรียนภาษาที่สอง ก็เช่นกันค่ะ
เพราะในทุก ๆ ภาษามีศิลปะเป็นของตัวเอง ยิ่งเราเรียนมากเท่าไหร่ เราอาจจะยิ่งรู้สึกว่าเราต้องเรียนมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
ถ้าคุณรู้สึกเบื่อ ๆ เซ็ง ๆ ไม่อยากทำอะไรเลย เบญอยากแนะนำให้ลองเริ่มเรียนภาษาค่ะ
เบญมีคอร์สเรียนที่อยากจะแนะนำให้หลายคอร์สเลยค่ะ เช่น
● iTalki เรียนภาษาตัวต่อตัว เลือกครูได้เอง
● Mondly แอพเรียนภาษาที่ทำให้คุณไม่เบื่อ
● Lingoda เรียนภาษาแบบกลุ่ม สนุกมาก!
และอีกหลาหลายคอร์ส ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยากเรียนภาษาอะไรค่ะ
4. เปิดโอกาสให้กับการงานที่หลากหลาย
มีหลายคนที่อาจจะมีเพื่อน หรืออาจจะเป็นตัวเองที่กำลังอ่านโพสต์นี้อยู่…
ที่เคยยอมแพ้กับการเรียนภาษามานับครั้งไม่ถ้วน หรือว่ารู้สึกว่าการหาแรงบันดาลใจให้กับตัวเองนั้น มันยากเย็นแสนเข็ญซะเหลือเกิน
แม้ว่าการลงทุนเรียนภาษานั้น เราอาจจะไม่เห็นสิ่งที่เราจะได้รับ หรือกำไรจากมันเมื่อเราเริ่มต้นเรียน
แต่เบญบอกเลยนะคะ ว่าการเรียนภาษานั้น คุณจะได้กำไร 100% และเป็นสิ่งมีค่าที่จะอยู่ติดตัวคุณตลอดไป
รวมถึงแบ่งปันให้คนที่เรารู้จักด้วย หรือได้ขึ้นเงินเดือนจากที่ทำงาน เพราะฉะนั้น มันคุ้มยิ่งกว่าคุ้มค่ะ
จะช่วยเรื่องโอกาสทางการหางานในปัจจุบัน มีหลากหลายอาชีพที่เค้าต้องการคนที่ใช้ภาษาอื่นได้นอกเหนือจากภาษาไทย และเงินเดือนเองก็ไม่ใช่น้อย ๆ เลยค่ะ
ตั้งแต่เด็กแล้ว ความฝันของเบญคือ อยากเป็นคุณครู แต่ก่อนหน้าที่จะได้เรียนภาษาอังกฤษ ก็ไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองจะเป็นครูวิชาอะไรได้
เพราะตัวเองไม่ได้ชอบ หรือเก่งวิชาอื่นเลย นอกจากภาษาอังกฤษ แต่ก็ไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษเช่นกัน
จนเมื่อเบญตัดสินใจเรียนภาษาอังกฤษ และเริ่มพูดได้ ฟังได้ และเข้าใจภาษาอังกฤษมากขึ้น เบญเองก็ได้มีโอกาสทำงานที่โรงเรียนภาษาอังกฤษ
และตอนนั้นก็มีความสุขมากค่ะ เพราะรู้สึกว่าความฝันของเราเป็นความจริงแล้ว
![ทำไมต้องเรียนภาษา เรียนภาษาดียังไง](https://fightforfluency.com/wp-content/uploads/2019/06/31093307_1800675719975615_8672089878900155772_n.jpg)
แต่ที่มากไปกว่านั้นก็คือ เบญมีโอกาสได้เป็นอาสาสมัคร สอนภาษาอังกฤษฟรีให้กับเด็ก ๆ ในหมู่บ้านใกล้ ๆ ที่เค้าไม่มีโอกาส และทุนทรัพย์ที่จะได้ไปเรียนภาษาข้างนอก
![ทำไมต้องเรียนภาษา เรียนภาษาดียังไง](https://fightforfluency.com/wp-content/uploads/2019/06/1379474_10200461492092120_1440157921_n.jpg)
เบญเลยรู้สึกดีใจมาก ๆ ที่วันนั้นตัวเองได้ตัดสินใจเลือกที่จะเรียนภาษาอังกฤษ เพราะว่าชีวิตของเบญก็ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงค่ะ
ได้มีโอกาสทำงานในอาชีพที่ตัวเองใฝ่ฝัน ได้ใช้ความรู้ของเราถ่ายทอด สอนให้กับเด็ก ๆ รุ่นต่อไป คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้มเลยค่ะ 🙂
5. เพิ่มระดับความมั่นใจให้สูงขึ้น
ความมั่นใจเป็นสิ่งหนึ่ง ที่เราทุกคนเองก็ต้องการในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นที่โรงเรียน ที่บ้าน ที่ทำงาน หรือการใช้ชีวิตประจำวันทั่วไป
สมัยที่เบญเป็นเด็ก เบญเป็นคนขี้อายมาก ๆ ไม่ชอบขึ้นไปยืนบนเวที ไม่ชอบพูดต่อหน้าคนอื่น ไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า ไม่ชอบทำอะไรที่มันยากหรือในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน
เพราะฉะนั้นถ้าให้เบญเลือกทำกิจกรรมอะไรก็ตาม เบญจะเลือกแค่ทาสีอยู่ในห้อง หรือทาน้ำยาฆ่าปลวกเคลือบเก้าอี้ มากกว่าออกไปพูดอะไรบนเวที
![ทำไมต้องเรียนภาษา เรียนภาษาดียังไง](https://fightforfluency.com/wp-content/uploads/2019/06/10423693_10152799978134125_5198436060125565852_n.jpg)
จนเมื่อได้เรียนภาษาอังกฤษ ได้เรียนรู้วัฒนธรรมของประเทศอื่น ๆ โดยการได้คุยกับเพื่อน ๆ ที่มาจากประเทศอื่น
รู้สึกเหมือนเราได้รับความมั่นใจของเรากลับขึ้นมาค่ะ
จริง ๆ เราทุกคนมีดีอยู่ในตัว แต่เราแค่รู้สึกไม่มั่นใจที่จะต้องใช้มันในทางที่ถูกต้อง
การเรียนภาษา เป็นสิ่งหนึ่งที่เสริมความมั่นใจให้กับเรา ไม่ได้หมายความว่าถ้าคุณไม่เรียนภาษาแล้วจะมีความมั่นใจไม่ได้ หรือทำอย่างอื่นเพื่อเพิ่มความมั่นใจไม่ได้
แต่ภาษาเป็นอีก 1 ตัวเลือก ถ้าอยากจะเพิ่มความมั่นในตัวเองค่ะ เพราะว่าเวลาเราเรียนภาษานั้น ๆ เราก็จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของเค้า
และส่วนใหญ่พวกวัฒนธรรมเหล่านั้นจะช่วยให้เรามีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
เช่น เวลาที่เบญเรียนภาษาอังกฤษ และมีเพื่อนเป็นคนต่างชาติ พวกเค้าสอนให้เบญเรียนรู้ที่จะพูดในสิ่งที่เราคิด แสดงความคิดเห็นของตัวเอง กล้าตอบรับ
และกล้าปฏิเสธเมื่อเราไม่อยากทำอะไรบางอย่าง โดยไม่ต้องอายและไม่ต้องกลัว
ถ้าคุณอ่านจนจบและยังไม่รู้ว่าอยากเรียนภาษาอะไร
เบญขอแนะนำให้เริ่มเรียนภาษาอังกฤษก่อนเลยก็ได้ค่ะ
เพราะเชื่อว่าคุณมีพื้นฐานมาบ้างอยู่แล้ว แต่ไม่รู้จักวิธีใช้จริง
หรือถ้าอยากรู้ว่าภาษาที่ 3 ไหนที่ควรเรียน ก็เข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้เลย