10 สุดยอดเคล็ดลับ “เก่งภาษา” ที่คุณไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อน

By

เคยรู้สึกมั้ยว่า ทำไมการเรียนภาษานั้นมัน…..เสียเงินเยอะมากมายเหลือเกิน

ซื้อคอร์สที่ดี ๆ ดัง ๆ มาตั้งหลายรอบแล้วก็พูดไม่ได้สักที

ยากเหลือเกิน… เรียนโน่น เรียนนี่ ไวยากรณ์ ฟัง อ่าน เขียน พูด แต่ก็ยังรู้สึกว่าพูดไม่ได้ฟังไม่ออก อ่านไม่คล่องเหมือนเดิม

เหนื่อยเหลือเกิน… รู้สึกท้อแท้ และคิดว่าชาตินี้ฉันคงไม่เก่งภาษาอื่นแล้วแหละ นอกจากภาษาบ้านเกิดตัวเอง

และสิ่งที่คนเรียนรู้สึกบ่อยมากที่สุดก็คือ ทำไมฉันเรียนมานานแสนหมื่นล้านปีแล้ว ยังไม่เก่งภาษาสักที

ข่าวดีค่ะ!!

วันนี้เบญได้รวบรวมเคล็ดลับ 10 อย่าง ในการเรียนภาษาให้เก่งไวมากขึ้น

ตามโรงเรียนกวดวิชาอาจจะไม่อยากบอกเคล็ดลับเหล่านี้ให้คุณก็ได้ค่ะ เพราะว่าเค้ากลัวว่าจะไม่มีใครมาเรียนที่โรงเรียน

แต่บอกเทคนิคข้างล่างนี้ จะช่วยให้คุณไม่ต้องรู้สึกว่าตัวเองเป็นสล็อตในการเรียนเก่งภาษาในฝันอีกต่อไป

พร้อมแล้วลุยยยยย!

1. ฝึกฝนบ่อย ๆ

การฝึกฝนเป็นหัวใจสำคัญอีกหนึ่งอย่างของการเก่งภาษาไว ๆ หรือแม้กระทั่งการเตรียมพร้อมสำหรับอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นกีฬา งาน

แต่การฝึกนั้นเอง เราก็ต้องมั่นใจว่าเราฝึกตรงจุด และตั้งเป้าหมายของเราไว้อย่างแน่นอน ไม่งั้นอาจจะเป็นการฝึกลม ๆ และไม่ได้ไปให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้

สุดท้ายเราก็ยังรู้สึกว่าย่ำอยู่กับที่และเสียเวลาไปเปล่า ๆ มีนักฟุตบอลคนหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า…

PEACTICE DOES NOT MAKE PERFECT. ONLY PERFECT PRACTICE MAKES PERFECT. การฝึกเฉย ๆ ไม่ได้ทำให้เก่งสมบูรณ์แบบ มีแค่การฝึกที่สมบูรณ์ต่างหากที่จะทำให้เราเก่งสมบูรณ์แบบ
Vince Lombardi

บางทีที่เรารู้สึกว่าเราไม่เดินไปข้างหน้าเลย อาจจะเป็นเพราะเรากำลังฝึกเดินทุกวัน แต่เดินอยู่กับที่ก็เป็นได้

cไม่ต้องกังวลค่ะ เรามาเริ่มฝึกฝนอย่างสมบูรณ์แบบไปด้วยกันโดยเริ่มจาก:

➝ ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน

คนที่ไม่มีเป้าหมายในชีวิตก็เหมือนคนหลับตาเดิน ไม่รู้ว่าไปไหน เพราะฉะนั้นเราต้องมีเป้าหมายในการฝึกฝนของเรา เช่น

● พูดภาษาอังกฤษให้ชัดขึ้นใน 1 ปี

● เล่าเรื่องสั้น ๆ เป็นภาษาเกาหลีได้

ทักทายภาษาญี่ปุ่นได้อย่างคล่องแคล่ว

เราก็เขียนไว้บนกระดาษแปะไว้ที่กำแพงหรือสมุดจดบันทึกของเราเลย

➝ รู้จักเลเวลภาษาของเรา

ก่อนที่เราจะเก่งขึ้นได้ เราก็ต้องรู้ก่อนว่าเราอยู่ในระดับไหนในภาษาของเราก่อน ไม่งั้นเราจะไม่มีวันรู้เลยว่าเราเก่งขึ้น หรืออยู่กับที่

ถ้าคุณอยากเก่งภาษาอังกฤษ ก็ทำแบบทดสอบภาษาอังกฤษฟรีได้เลย

หรือถ้าเป็นภาษาอื่น ๆ ก็แค่พิมพ์เข้าไปใน Google รับรองว่ามีแน่นอน

อย่าลืมจดไว้ด้วยนะคะ และเราจะกลับมาทำแบบทดสอบใหม่ในอีก 3 เดือน

➝ ฝึกฝนให้ตรงจุด

เมื่อเรารู้แล้วว่า เราตั้งเป้าหมายอะไร และเลเวลของเราอยู่ตรงไหน ก็เริ่มฝึกฝนให้ตรงกับเป้าหมายของเราได้เลยค่ะ

เช่น อยากพูด ภาษาอังกฤษเก่งขึ้น คุณก็ต้องเริ่ม:

● ฝึกใช้ประโยคภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน

● ฝึกออกเสียงตามสำเนียงอเมริกัน | บริติช | ออสเตรเลีย หรือแคนาดา

● ฝึกพูดกับคอร์สเรียนตัวต่อตัว กับครูฝรั่ง

หรือถ้าอยากฟังภาษาอังกฤษเก่งขึ้น ก็ต้อง:

● ดูช่อง YouTube ภาษาอังกฤษ

● ฝึกฟังภาษาอังกฤษด้วย Podcasts

คิดว่าทุกคนน่าจะเห็นภาพแล้วใช่มั้ยคะ

ไม่ว่าคุณอยากเน้น พัฒนา หรือเก่งเรื่องไหน ก็หาสิ่งที่จะช่วยให้คุณฝึกได้ สมัยนี้มีเยอะแยะเลย

แต่ส่วนตัวแล้ว เบญไม่ชอบไปนั่งฝึกเอง หรือหาบทเรียนเอง

ก็เลยเรียนภาษากับ iTalki

ที่เป็นเว็บรวมครูจากทั่วโลก มาให้เราได้เลือกเรียนด้วย ไม่ว่าคุณจะอยากเก่งภาษาจีน ภาษาเกาหลี ภาษาอังกฤษ ภาษาอินเดีย

และไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร คุณครูก็จะจัดบทเรียนตามความต้องการให้เรา ตามระดับภาษาของเราเลยค่ะ

เบญลองเรียนกับ iTalki ด้วยตัวเองแล้ว

เรียนภาษาอังกฤษที่ไหนก็ได้ iTalki

บอกได้เลยว่า ช่วยให้เราเก่งภาษาได้แบบติดจรวดเลย โดยที่ไม่ต้องไปปวดหัวนั่งหาบทเรียน หรือพยายามฝึกด้วยตัวเอง

ลองเข้าไปลงทะเบียนฟรี และหาครูที่ชอบเลยตอนนี้!!

2. ใส่ใจวัฒนธรรมของภาษาที่เราสนใจ

การเรียนภาษาอื่นเป็นภาษาที่สอง หรือภาษาที่สาม เป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ เลย

แต่สิ่งที่จะลืมไม่ได้เลยก็คือ ถ้าเราเรียนภาษาะไร เราควรต้องรู้ไม่มากก็น้อยเกี่ยวกับวัฒนธรรมของประเทศนั้น ๆ

ลองคิดดูนะคะ

ถ้าเปรียบเทียบกับภาษาไทย และวัฒนธรรมของคนไทย หรือสิ่งที่คนไทยชอบธรรม สิ่งเหล่านั้นก็ออกมาเป็นภาษา

หรือสิ่งที่เราจะพูดออกจากปากเป็นภาษาไทยนั้น ก็ต้องสอดคล้องกับวัฒนธรรมของประเทศไทยด้วย

เมื่อเราเริ่มศึกษาวัฒนธรรมของประเทศนั้น เราก็จะเริ่มเข้าใจไอเดียของการแต่งประโยคมากขึ้น

ทำให้เรารู้สึกว่าเราพูดภาษานั้นได้ชัดเจนและคล่องแคล่วเหมือนกับเจ้าของภาษา

เช่น ภาษาไทยก็จะพูดว่า “สวัสดีค่ะ” และยกมือขึ้นไหว้ ?

การทักทายภาษาอังกฤษ ก็อาจจะ “Hello, Hi, Good morning.” ตามด้วยการจับมือ หรือกอด ?

ถ้าเราไม่รู้วัฒนธรรมของเค้า เราก็อาจจะพูดไปว่า “กุด มอรฺ นิ่ง ค่ะ ?”

และคนที่เราคุยด้วยไม่ได้อยู่ประเทศไทยมานาน เค้าก็จะงงเป็นไก่ตาแตกเลยค่ะ ว่าการยกมือไหว หรือคำว่าค่ะ ตอนท้ายประโยคหมายถึงอะไร

เพราะต่างประเทศ ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม การกระทำก็จะต่างกันค่ะ

เพราะฉะนั้นให้เราศึกษาข้อมูลเรื่องวัฒนธรรมของภาษานั้น ควบคู่ไปกับการเรียนภาษานั้น ๆ ค่ะ

และอีกวิธีที่จะช่วยให้เราเรียนรู้วัฒนธรรมของประเทศนั้น ๆ ได้มากขึ้น รวมถึงฝึกฟังภาษาไปในตัวก็คือการดูหนังของประเทศนั้น ๆ

เช่น หนังสำเนียงบริติช, ซีรีย์อเมริกัน, หนังเกาหลี หรือ หนังอินเดีย

หรืออีกไอเดียที่จะช่วยให้คุณรู้จักกับวัฒนธรรมพร้อมทั้งเก่งภาษา ก็คือการเรียนกับเจ้าของภาษาแท้ ๆ

เช่น iTalki, Lingoda, Preply หรือ British Council

3. คิดบวก

เคยได้ยินมั้ยว่า “แค่คิดบวก ก็ไปได้ไกลเกินครึ่งแล้ว”

น่าจะไม่เคยได้ยินค่ะ เพราะนี่เป็นสิ่งที่เบญคิดขึ้นมากเอง 555

แต่ก็จริงนะคะ เราทุกคนต้องการแรงบันดาลใจ และกำลังใจในการที่เราจะทำอะไรสักอย่างให้สำเร็จ

เบญเชื่อจริง ๆ ว่าการคิดบวก หรือภาษาง่าย ๆ ก็คือ มองโลกในแง่ดี จะช่วยให้เราไปถึงเป้าหมายของเราได้เร็วขึ้น

ครั้งแรกที่เบญเข้าไปในเรียนในโรงเรียนพระคัมภีร์อินเตอร์ อาทิตย์แรกของเบญนั้น เหมือนตัวเองอยู่ในดาวนอกโลก หรือนั่งอยู่ใน UFO

เพราะว่าเบญฟังอะไรไม่ออกเลย รู้ว่าอาจารย์กำลังพูดอะไรสักอย่าง แต่สมองของเราไม่ได้ประมวลผลแปลออกมาเป็นภาษาที่เราเข้าใจ

เบญก็พยายามทำความเข้าใจว่า มันก็คงเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นกับทุกคนที่กำลังเริ่มเรียนภาษาที่ตัวเองไม่รู้จัก

มีบางคนที่มาจากประเทศที่ไม่พูดภาษาอังกฤษหรือประเทศไทย เค้าก็ยอมแพ้ หรือว่าเริ่มคิดแง่ลบกับภาษา

และถอดใจกลับบ้านไปง่าย ๆ เบญก็แอบคิดเสียดายแทนพวกเค้าเหมือนกัน

แต่เบญอยากเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่อยากเก่งภาษานะคะ เบญเชื่อจริง ๆ ว่าเราทำได้ แต่การคิดบวกของเราก็ไม่ควรเป็นเพื่อนลอยอยู่ในโลกของยูนิคอร์น

แต่เคล็บลับในการเป็นนักสู้ที่คิดบวกของเบญก็คือ…..

ให้เราตัดสินใจตั้งแต่ตอนนี้เลยว่า ไม่ว่าเราจะมีอุปสรรคมากมายแค่ไหน หรือการเรียนภาษามันจะยากแค่ไหน เราจะไม่มีวันวิ่งหนี และยอมแพ้!

4. จ่ายบ้างอะไรบ้าง

อย่างเคยได้ยินมาว่า… ไม่มีอะไรในโลนี้ที่ได้มาฟรี ๆ

จริง ๆ เบญก็เห็นด้วยนะคะ แต่ประโยคไม่ได้พูดถึงแค่การจ่ายเงินเท่านั้นก่อนที่เราจะได้มา

มันพูดถึงเราต้องแลกอะไรบางอย่างที่มีค่าของเราไป เราถึงจะได้รับสิ่งที่มีค่ามา

ในการที่เราจะเก่งภาษาไว ๆ เบญขอแนะนำ 2 สิ่งที่เราควรจ่าย และลงทุนค่ะ

เงิน

มีเว็บไซต์ออนไลน์ที่มีคอร์สเรียนภาษา เจ๋ง ๆ ที่จะช่วยให้เราเก่งภาษาได้ไวขึ้น

แต่เราก็ต้องดูคอร์สเรียนภาษานั้นอย่างระมัดระวังด้วย เพราะสมัยนี้ มีคอร์สเรียนขึ้นมามากมายเป็นดอกเห็ด บางคอร์สก็ดี และบางคอร์สก็เสียเงินเปล่า

เพราะฉะนั้นเราต้องดูให้ดีก่อนว่า เราสมควรจ่ายมั้ย

เช่น ดูรีวิวคอร์สเรียนของโรงเรียนหรือเว็บไซต์นั้น ๆ ว่ามีความน่าเชื่อถือมากเพียงใด ราคาเหมาะสมกับบทเรียนหรือไม่ และมีคนรู้จักมากน้อยแค่ไหน เป็นต้น

เวลา

เวลาเป็นสิ่งที่มีค่ามาก ๆ สำหรับทุกคน เพราะว่าเราซื้อเวลาที่ผ่านไปแล้วกลับมาไม่ได้ นาฬิกาไม่ย้อนคืนกลับ

แล้วเบญเองก็เชื่อจริง ๆ ว่า การที่เราจะเก่งภาษาไว ๆ เราก็ต้องจ่ายเวลาของเราให้กับมันเหมือนกัน

เราอาจจะต้องเก่งขึ้นเรื่องการทำตารางของชีวิต ให้มันเป็นระบบระเบียบมากขึ้น และเราจะได้ใช้เวลาของเราให้คุ้มค่ามากที่สุด

เพราะเมื่อเราลงคอร์สเรียนภาษา หรือตั้งใจที่จะหาความรู้เกี่ยวกับภาษาแล้วนั้น

เราก็ต้องจัดเวลาให้มันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเรา เราอาจจะต้องทิ้งการเที่ยวกลางคืนทุกวัน และให้เวลานั้นเป็นการอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ

หรือเราอาจจะต้องตื่นเช้ากว่าปกติ และเอาเวลานั้นไปเข้าเรียนภาษาออนไลน์

5. ออกเสียงให้ถูกต้อง

เบญสังเกตุว่าแรก ๆ เมื่อเราพยายามคุยกับต่างชาติ แต่เบญก็รู้สึกเหมือนคู่สนทนาไม่เข้าใจเลย

เบญก็เลยแอบสงสัยว่า ทำไมน๊า.. หรือเราพูดผิด หรือใช้คำไม่ถูกหรือเปล่าเค้าเลยไม่เข้าใจ

แต่จริง ๆ แล้ว หัวใจหลัก ๆ ที่เราต้องรู้ในการเก่งภาษาก็คือ ตัวเริ่มและตัวจบของคำนั้น ๆ หรือ“การออกเสียง”

อย่างเช่นในภาษาอังกฤษ เราอยากจะพูดคำว่า หลอดไฟ ซึ่งภาษาอังกฤษ คือ light แต่เราไม่ออกเสียง ทึ ตอนท้าย

และเราพูดแค่ว่า ไล้ ๆ คนฟังก็ต้องพยายามเดาเอาว่าเราพูดคำว่า light, like, life, lie

เพราะคำเหล่านี้ออกเสียงคล้ายกันหมดเลย เป็นสระ ไ ตามด้วย ล แต่ตัวสะกดตัวสุดท้ายที่ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้น ถ้าเราจะพูดคำว่า light ก็ต้องออกเสียงว่า ไลทฺ(ทึ)

ถ้าเราไม่ใส่ใจกับการออกเสียงตัวสุดท้ายให้ถูกต้อง เค้าก็จะไม่เข้าใจเราค่ะ ไม่ใช่ว่าเราใช้คำศัพท์ผิด หรือสำเนียงไม่ถูกนะ

และมันเป็นเรื่องที่เราฝึกได้ค่ะ ค่อย ๆ ฝึก ไปด้วยกันนะค๊า

คุณอาจจะคิดว่า แล้วฉันจะรู้ได้ไงว่าออกเสียงถูกหรือผิด

ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ ถ้าคุณตั้งใจจะเรียนกับ iTalki อยู่แล้ว

คุณครูจะช่วยแก้ทุกคำที่คุณพูดผิด และช่วยให้ออกเสียงถูกได้อย่างแน่นอน!

6. สนุกไปกับมัน

พอคิดถึงการเรียนภาษาทุกคนอาจจะเห็นภาพห้องเรียน หนังสือเล่มหนา ๆ ปากกาแท่งใหญ่ ๆ ตัวหนังสือเยอะ ๆ แค่เห็นก็ไมเกรนขึ้นแล้วววว

แต่วันนี้เบญอยากให้เพื่อน ๆ มองการเรียนภาษาแตกต่างออกไปจากเดิมค่ะ เปลี่ยนมุมมองของเราเกี่ยวกับภาษา

อย่าคิดว่ามันเป็นแค่อีกวิชาหนึ่งที่เราต้องเรียน เข้าใจยาก ปวดหัว

แต่ให้ลองวิธีการเรียนภาษาที่สนุกมากขึ้น ท้าทายมากขึ้น ให้มันเป็นสิ่งนึงที่อยู่ในชีวิตประจำวันของเรา มองไปทางไหนก็เห็นคำศัพท์ภาษาอังกฤษขึ้นมา

ลองหากิจกรรมที่ชอบทำและมันช่วยพัฒนาภาษาอังกฤษไปในตัวอีกด้วย

อย่างเช่น เมื่อก่อนเบญชอบเล่นเกมส์ The Sim เบญก็จะเปลี่ยนโหมดคำสั่งทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษหมดเลย

หรือเกมส์ออนไลน์ภาษาอังกฤษอื่น ๆ ที่จะทำให้เราได้ใช้ภาษาอังกฤษแบบไม่รู้ตัว

หรือจากที่เมื่อก่อนชอบไปดูหนังที่โรงหนังเป็นภาคภาษาไทย ก็เปลี่ยนไปดูภาค soundtrack พยายามไม่ต้องอ่านคำแปลทั้งหมด

7. เน้นเรียนเพื่อสื่อสารให้เข้าใจ

ส่วนใหญ่บทเรียนของที่โรงเรียนที่พวกเราเรียนจบมา ก็จะเน้นไปทางการอ่าน เขียน แต่ไม่ค่อยเน้นการพูดฟัง และสื่อสารมากเท่าไหร่

เบญแนะนำให้เรียนการสนทนา และประโยคที่ใช้ได้จริง มากกว่าการเรียนท่องจำแกรมม่า

เพราะว่าการพูดเป็นการใช้จริง และมันจะทำให้เราจำได้ และเรียนได้เร็วกว่าแค่เขียนในสมุดโน๊ตค่ะ

แม้กระทั่งเราอาจจะรู้สึกว่าเราไม่ได้มีพื้นฐานดีขนาดนั้น แต่การสื่อสาร และสนทนาไม่จำเป็นต้องใช้พื้นฐานการอ่านและการเขียนที่ดี

แต่ถ้าเราฝึกฝน อยู่ในสภาพแวดล้อมี่มีคนฟังและพูดภาษาบ้าง ก็จะช่วยให้เราพูดได้โดยอัตโนมัติ

และเมื่อเราเริ่มฟังออก และพูดได้ จับใจความได้ เราก็เรียนแกรมม่าและอย่างอื่นเสริมเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้เราเข้าใจในการสร้างประโยค

กฎของการสร้างประโยค เราจะได้พูดได้มากขึ้น ใช้ประโยคได้หลากหลายมากกว่าใช้ประโยคง่าย ๆ ตลอดเวลาค่ะ

8. สื่อการเรียนที่ดีและฟรีก็มีอยู่ในโลก

ความจริงก็คือ..ของฟรีไม่มีในโลก

และความจริงในความจริงก็คือ..ของฟรีก็มีในโลกจ้า

ถ้าคุณมองหาคอร์สแล้ว มองหาคอร์สอีก และยังรู้สึกว่ามันแพงเกินไป หรือว่ารู้สึกว่าเสียดายเงินที่จะไปซื้อคอร์ส

หรือเพิ่งเรียนจบและยังไม่มีงานทำ ไม่มีเงินเดือน หรือยังเรียนอยู่และไม่มีรายได้เป็นของตัวเอง

วันนี้เบญมีข่าวดีมากบอกจ้าาาาาา

ของฟรี และดีมีในโลกค่ะ! เบญเองก็เป็นคนนึงที่เวลาจะเสียเงินให้กับอะไร จะดูรีวิวแล้ว ดูรีวิวอีก เปรียบเทียบกับเว็บโน้น เว็บนี้เป็นเดือน จนสุดท้ายก็ไม่ซื้อเพราะเสียดายเงิน

เพราะฉะนั้นวันนี้เบญจะมาแชร์บางไอเดียที่เบญได้เรียนภาษาอังกฤษจากที่นั่น ฟรี และดีมีอยู่จริงจ้า

➝ YouTube

เว็บโปรดของใครหลาย ๆ คน และเบญเชื่อว่า วัน ๆ นึงเราเองอยู่บนยูทูปไม่ต่ำกว่า 1 ชม. แน่นอน

หาเพลงฟัง หรือวีดีโอเล่านิทาน สอนภาษาต่าง ๆ นา ๆ ถ้าระดับง่าย ๆ ที่เพิ่งเริ่มหัดฟังเบญแนะนำเป็นอันนี้เลยค่ะ

YouTube video

และวีดีโออื่น ๆ อย่าลืมกด Subscribe ไว้ด้วยนะคะ

➝ Free lessons & Worksheets

มีหลายเว็บไซส์ที่เค้ามีบทเรียนและใบงานให้เราลองทำเพื่อให้เราจำได้ และเข้าใจมากขึ้น

อันนี้เป็นตัวอย่าง ถ้าคุณอยากเก่งภาษาอังกฤษ

เช่น Teachers Pay Teacher, Super Simple Learning หรือ Fight For Fluency

➝ Facebook

แหล่งเที่ยวเล่นเป็นอาหารตา และแห่งช็อปปิ้งของพวกเราทุกคนค่ะ

เฟซบุ๊คเป็นอีกเว็บไซต์นึงที่พวกเราทุกคนเข้าไปบ่อยม๊ากกกมากกกกก (หรือไม่จริง)

และเฟสบุ๊คก็ยังเป้นอีกแหล่งนึงของการเรียนรู้แบบไม่เสียเงิน

เพราะว่ามีเพื่อน ๆ ใจดีหลายคนที่มีประสบการณ์มากมายเกี่ยวกับภาษา และเค้าก็อยากแบ่งปันกับพวกเรา

9. เพื่อนกินหาง่าย เพื่อนเรียนหายาก

ขอแนะนำให้หาใครสักคนนึงที่เป็นเพื่อนที่ช่วยเป็นที่ปรึกษา และดึงมือกันเวลาอีกคนขี้เกียจ

อาจจะเป็นเพื่อนสนิทที่สนใจเรียนภาษาอยู่แล้ว หรือเพื่อนที่ไม่สนิท อาจจะเป็นเพื่อนที่เราเพิ่งไปเจอตอนที่เราไปลงคอร์สเรียนก็ได้

เราอาจจะไม่ต้องไปเรียนคอร์สที่เดียวกัน หรือไปเรียนด้วยกันทุกวัน แต่ถ้าเราได้ปรึกษาใครสักคนที่มีหัวใจเหมือนเรา อยากเก่งภาษาเหมือนเรา

เราก็ช่วยกันผลักดันอีกคนนึงให้เก่งไปด้วยกันได้ แลกเปลี่ยนความรู้ที่ได้มา ถามว่าวันนี้ได้ไปเรียนมั้ย อย่าลืมตื่นไปเรียน หรืออย่าลืมอ่านโพสต์นี้นะ

แม้กระทั่งพูดภาษาอักกฤษด้วยกันสองคนก็ได้ เป็นการช่วยกันฝึกไป

ถ้ารู้สึกว่าหาใครไม่ได้จริง ๆ รอบตัวนั้น

ให้ iTalki แบบกลุ่ม ช่วยคุณได้ค่ะ

การที่เราได้เจอกับคนอื่น ๆ ที่อยากเก่งภาษาเหมือนเรา พยายามใช้ภาษาของตัวเองให้มากที่สุด

และจะช่วยให้เรามีกำลังใจที่จะไม่อายที่จะใช้ภาษาของเรา และเรียนสนุกด้วย

10. อย่ากลัวเลย

การเรียนภาษา อาจจะเป็นเรื่องที่ฟังดูแล้วซับซ้อน และน่ากลัวสำหรับบางคน

ถ้าคุณอยากเก่งภาษา หรืออยากเก่งภาษาไว ๆ นั้น ต้องห้ามกลัวค่ะ

ในขณะที่เราเริ่มเรียนภาษา ความกลัวจะเข้ามาเคาะประตูและบอกว่า…

ฉันกลัวว่าจะทำไม่ได้ เพราะฉันไม่เก่งเหมือนคนอื่น

ฉันกลัวว่าฉันจะพูดไม่เก่ง ฟังไม่ออก

ฉันกลัวว่ามันจะแพงเกินไป

ฉันกลัวว่าฉันจะไม่มีเวลา

ฉันกลัวว่าฉันจะพูดผิดและอายคนทั้งโลก

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ เป็นแค่ คำโกหกและข้อแก้ตัว เท่านั้นค่ะ

ความกลัว ไม่ใช่เพื่อน แต่เป็นศัตรูของเรา อย่าไปกลัวมัน!

เบญมีคำแนะนำสำหรับสิ่งที่เพื่อน ๆ ควรทิ้งไปกับความกลัว และมันจะช่วยให้คุณเก่งภาษาเร็วขึ้นค่ะ

➝ อย่ากลัวที่จะเริ่มต้น

แม้กระทั่งเราจะไม่มีพื้นฐานเรื่องภาษาเลยก็ตาม ทุก ๆ คนก็ต้องมีก้าวแรกสำหรับทุกสิ่งด้วยกันทั้งนั้น

➝ อย่ากลัวที่จะพูดผิด

เพราะคนที่ไม่เคยทำผิดคือคนที่ไม่เคยทำอะไรเลย แต่ให้เราเรียนรู้จากความผิดพลาดและเปลี่ยนมันเป็นบทเรียน

➝ อย่ากลัวว่าจะช้ากว่าคนอื่น

การประมวลผล การทำความเข้าใจในบางเรื่องของบางคนก็ต่างกันค่ะ

ถ้าเรารู้จักตัวเองดี ก็อาจจะให้เวลากับตัวเองมากหน่อย ไม่มีอะไรเสียหายค่ะ เพราะอย่างน้อยเราก็ไม่ได้ย่ำอยู่กับที่

➝ อย่ากลัวว่าจะแก่เกินไป

ไม่มีใครที่แก่เกินเรียนค่ะ คนส่วนใหญ่ก็เริ่มมาสนใจเรื่องภาษาตอนที่ตัวเองอายุประมาณนึงแล้ว อายุเป็นเพียงแค่สายลมผ่านพัดไปจ้า

➝ อย่ากลัวว่าเรียนไปแล้วไม่ได้ใช้

สิ่งของไปกับเราได้แค่บางที่ แต่ความรู้จะไปกับเราทุกที่

ถ้าคุณฝันอยากไปเที่ยวต่างประเทศ หรือเดินทางรอบโลกเหมือนเบญ

ภาษาเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราควรจะเรียน และมันจะช่วยให้เราเที่ยวอย่างสนุกมากขึ้น และได้ความรู้อื่น ๆ กลับมามากขึ้น

➝ อย่ากลัวว่าคนอื่นจะคิดยังไง

ถ้าเรามัวแต่แคร์คนอื่น เราก็จะทำอะไรไม่ได้เลยแม้กระทั่งหายใจ

ถอดความขี้อายของตัวเองทิ้งได้เลยค่ะ ถ้าอยากเก่งภาษาไว ๆ ไม่ต้องแคร์คนอื่นว่าเค้าจะมองว่าเราดัดจริต หรือว่าขี้อวดที่เราพูดภาษาอื่นได้

เพราะในความจริงแล้ว คนอื่นเค้าไม่ได้สนใจชีวิตของเรามากขนาดนั้นหรอกค่ะ

อาจจะมีหลายคนที่จับผิดเราเพื่อเอาไปเม้าส์แต่อย่าให้คนเหล่านั้นมีผลกระทบต่อชีวิตและความฝันของเราเด็ดขาด

“เลิกกลัว และเริ่มลงมือทำ”

ขจัดความกลัวของเราวันนี้ โดยการลงทะเบียนกับ iTalki เลือกครู และเริ่มเก่งภาษาเลยวันนี้!!

เลือกการแจ้งเตือน *สำคัญมาก
แจ้งเตือน
guest

0 Comments
Inline Feedbacks
ดูคอมเม้นทั้งหมด