ในโลกนี้ ไม่ใช่ทุกสิ่งที่ทุกคนพูด หรือทำมาตลอดจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เราควรทำตาม ถ้าเราทำแบบนั้นมานาน แต่ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงสักที ก็แปลว่ามันไม่เวิร์คค่ะ
การเก่งภาษาอังกฤษก็เช่นกัน
วันนี้เบญเอาสิ่งที่เคยได้ยินมาบ่อยมาก ๆ จากคนไทย มาฝากกัน และจะบอกว่ามันเป็นสิ่งที่คุณควรหลีกเลี่ยง ถ้าไม่อยากใช้เวลาอีก 10 ปีข้างหน้านี้ทำสิ่งเดิม ๆ แต่ก็ไม่คืบหน้าในเรื่องภาษาอังกฤษสักที
และที่สำคัญที่สุด เบญมีวิธีที่ใช้ได้จริงมาแทนที่ให้ด้วยค่ะ รับรองว่าถ้าคุณทำตามแล้ว จะช่วยให้คุณเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงในภาษาอังกฤษของคุณแน่นอน!
❌ เน้นเรียนแกรมม่า จำได้ = พูดถูก
เน้นเรียนประโยคสนทนาทั่วไป พูดเป๊ะแน่นอน
เบญเชื่อว่าที่โรงเรียนที่เราเรียนมาตั้งแต่เด็กจนโตก็บอกกับเราแบบนี้ และพอเราโตขึ้น ไปเรียนที่โรงเรียนสอนภาษา หลายที่ก็ยังบอกแบบนี้และสอนแบบนี้อยู่ค่ะ
และไม่ต้องบอกก็ดูออกเลยว่า การเรียนแต่แกรมม่าไม่ได้ทำให้เราพูด หรือเก่งภาษาอังกฤษได้จริง เพราะว่าลองดูสิคะว่ามีกี่คนที่เรียน 15 ปี มาจากโรงเรียน และเรียนอีก 3 ปีที่โรงเรียนสอนภาษา แต่ก็ยังพูดไม่ได้ซะที ก็เพราะว่า…
1. แกรมม่ามีตั้งกี่แบบ มัวแต่นั่งจำ เวลาเอาไปพูดจริงก็นึกไม่ออกสักข้อ
2. บางประโยคที่เจ้าของภาษาใช้พูดจริง อาจจะไม่ตามหลักแกรมม่าที่เราเรียนมาด้วยซ้ำ
3. ฝรั่งฟังเราไม่ออก เพราะเราพูดเหมือนหุ่นยนต์ เสียเวลาทั้งหมดของเราไปกับการท่องจำ จนไม่มีเวลาไปฝึกการออกเสียงให้เหมือนสำเนียงเจ้าของภาษา
ยังไปต่อได้อีกหลายข้อเลยค่ะ แต่คิดว่าคุณน่าจะเข้าใจในสิ่งที่เบญพยายามจะพูด
จะบอกเลยว่าเบญเองก็เคยเป็นหนึ่งในนั้นที่รักทิชเช่อมาก และเรียนแกรมม่าอย่างที่ทิชเช่อแนะนำ แต่มันไม่ได้ผลเลย และคุณเองก็อาจจะเป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน แต่เราจะไม่เป็นแบบนั้นอีกต่อไปค่า!
เพราะข่าวดีก็คือ เบญเองได้รวบรวมคอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ไว้ให้คุณได้เลือกคอร์สที่คุณชอบมากที่สุด และเป็นคอร์สที่เน้นการสนทนาภาษาอังกฤษ นั่นก็แปลว่า…
1. คุณจะได้ฝึกพูด-ฟังประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน
2. คุณจะรู้จักคำถาม และรู้ว่าต้องตอบยังไงถ้าอยากจะให้การสนทนาไปต่อได้ นอกจากแค่ Hello และเดินจากไปเพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
3. แกรมม่าของคุณจะเป๊ะเองโดยที่คุณไม่ต้องนั่งท่องรูปแบบด้วยซ้ำ เพราะคุณจะรู้ทันทีว่าประโยคนี้ควรจะเริ่ม ตาม และจบด้วยคำว่าอะไรแบบอัตโนมัติ
และเช่นเคยค่ะ อีกหลายเหตุผลที่บอกวันนี้ก็คงไม่หมด 😉
ตัวอย่างเช่น คอร์สเรียนภาษาอังกฤษ Mondly เป็นหนึ่งในคอร์สที่เบญชอบมากที่สุด และก็มีติดเครื่องไว้ฝึกภาษาอังกฤษในมือถือค่ะ

คอร์สนี้จะช่วยให้เรารู้ว่าการตอบคำถามภาษาอังกฤษไม่ได้มีแค่ประโยคเดียวเท่านั้น แต่มีอีกเยอะเลย และที่สำคัญมีคำแปลภาษาไทยให้เราด้วยนะคะ
ถ้าสนใจคอร์สนี้เข้าไปอ่านรีวิวเพิ่มเติมได้เลย หรือว่าถ้ายังไม่แน่ใจมีอีกหลายคอร์สเลยค่ะที่เบญอยากแนะนำ เข้าไปเลือกจากปุ่มข้างล่างนี้ก็ได้จ้า
รับรองเลยว่า แค่มีคอร์สเรียนดี ๆ แบบที่เบญแนะนำให้ คุณเองก็จะเริ่มพูดภาษาอังกฤษถูกตามหลักไวยากรณ์โดยที่ไม่ต้องนั่งท่อง หรือว่าเสียเวลาไปกับการโฟกัสแค่เรื่องนี้ค่ะ
❌ ท่องจำตามบทเรียน รับรองไม่ลืม
ฝึกพูดจริงเป็นประจำ เวลาพูดจริงจะลื่นไหล
หลายคนเชื่อว่า ยิ่งเรียนภาษาอังกฤษเยอะ จะยิ่งเก่ง แต่ในความจริง การเรียนภาษาไม่ได้ง่ายขนาดนั้นค่ะ ยกเว้นคุณแค่เรียนเอาไปไว้สอบเฉย ๆ ไม่ได้จะใช้คุยกับคนอื่นจริง ๆ
การที่เราเรียนภาษาอังกฤษในห้องเรียนวันละ 3-5 ชม. หรือว่าจำหนังสือเรียนภาษาอังกฤษได้ทั้งเล่ม ไม่ได้หมายความว่าเราจะกล้าพูดเวลาเจอฝรั่งหน้าต่อหน้า
เบญขอแนะนำให้คุณฝึกพูด-ฟังภาษาอังกฤษทุกวัน และจะบอกให้เลยนะคะว่า ต่อให้คุณไม่มีเพื่อนฝึก คุณเองก็ฝึกพูดภาษาอังกฤษกับตัวเองได้
หรือว่าถ้าสนใจอยากฝึกพูดภาษากับคุณครูเจ้าของภาษาแบบตัวต่อตัวออนไลน์ในราคาไม่แพง เบญแนะนำคอร์สโปรดของเบญคือ iTalki ค่ะ

บอกได้อย่างภาคภูมิใจเลยว่า การที่ได้ฝึกพูด หรือแค่เจอหน้าเจ้าของภาษาผ่านออนไลน์ อาทิตย์ละ 1 ชม. ทำให้เบญมีความมั่นใจมากขึ้นที่จะพูดภาษาอังกฤษกับฝรั่งค่ะ
ถ้าสนใจลองเข้าไปเลือกคุณครูได้เองเลย หรือว่าจะดูรีวิว และคำถามที่คุณควรจะเตรียมตัวไว้ก่อนเข้าไปทดลองเรียนตามวีดีโอข้างล่างได้เลยนะคะ
ของดีต้องบอกต่อจริง ๆ!!
❌ ภูมิใจในสำเนียงไทยเข้าไว้ อย่ากระแดะ
เลียนแบบสำเนียงเจ้าของภาษา มั่นใจเข้าไว้
ความจริงที่โหดร้ายก็คือ… ไม่ใช่แค่รู้จักคำศัพท์ก็พูดเก่งได้ 🙅
ถ้าคุณลองตั้งใจฟังดี ๆ คนที่ขี้อาย และกลัวว่าคนอื่นจะด่าว่าตัวเองกระเดะที่พยายามพูดเหมือนเจ้าของภาษา มักจะพูดภาษาอังกฤษด้วยสำเนียงไทยค่ะ
แปลว่า… ไม่ออกเสียงตัว s, r, l, t และตัวอื่น ๆ ที่ควรจะออก
ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่ารู้อยู่แล้วแต่ไม่อยากออก หรือว่าอาจจะไม่รู้เลยก็ได้
แต่ในภาษาอังกฤษจะมีตัวสะกดตัวท้าย หรือตัวเริ่มต้นที่คุณจำเป็นต้องออกเสียง เพราะถ้าไม่ออกนั้น คนที่ฟังจะต้องเดาเอาเองว่าคุณพยายามจะพูดว่าอะไร หรือถ้าออกเสียงผิดมันก็จะกลายเป็นคำอื่นไปเลย เช่น
tea, tree, three ลองออกเสียง 3 ตัวนี้ดูสิคะ ถ้ามันออกมาเป็นเสียงเดียวกันหมดเลยคือ ที ที ที แปลว่าคุณออกเสียงผิดค่ะ แต่ความหมายก็จะเปลี่ยนทันที
และบางครั้งต่อให้เบญเขียภาษาคาราโอเกะให้ว่า tree = ทรี three = ซรี คุณก็ยังงงอยู่ใช่มั้ยคะ เพราะว่าในภาษาไทยเราไม่มีตัว th ค่ะ เหมือนในภาษาอังกฤษไม่มีตัว ป ทำให้คนที่พยายามเทียบเสียงกัน ออกเสียงไม่ถูกจริง ๆ
เบญเลยอยากจะแนะนำให้คุณเข้าไปหาคลิปการออกเสียงภาษาอังกฤษแบบเจ้าของภาษาดู และฝึกออกเสียงตามตั้งแต่ตัว A-Z ลบเสียงเก่า ๆ ที่เคยเรียนมาให้หมด และเริ่มใหม่
ลองทำดูนะคะ และเบญเชื่อว่าคุณจะได้เริ่มเห็นความแตกต่างแน่นอน
เชิดใส่คนที่บอกว่าคุณกระแดะไปเลยค่ะ เพราะ มันน่าอายมากกว่าที่คุณพูดเป็น 20-30 รอบแล้ว แต่ฝรั่งก็ยังไม่เก็ท 🙄
❌ เรียนมั่ว ๆ ไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวเก่งเอง
จัดตารางที่ทำได้จริง เรียนตามแผนเรียน
เห็นหลายคนเลยที่ไม่มีที่เรียนเป็นหลักเป็นแหล่ง เข้ากลุ่มสอนภาษาอังกฤษในเฟซบุ๊ค 20 กว่ากลุ่ม หาใบงานฟรีในกูเกิ้ล แถมซื้อหนังสือมาเรียนเองหลายสิบเล่ม
แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จในการเรียนภาษาอังกฤษสักที ทำอะไรผิดหรือเปล่านะ??
จริงอยู่ที่บางครั้งคอร์สเรียนฟรี ๆ ในเน็ตก็มีประโยชน์กับเรา แต่ถ้าคุณเริ่มตั้งใจ และอยากจะเห็นความเปลี่ยนแปลงจริง ๆ เบญไม่แนะนำให้ทำแบบนั้นนะคะ
เพราะว่าคุณไม่ได้บันทึกเลยว่า เรียนอะไรไปบ้างแล้ว หรือว่าตัวเองพัฒนาขึ้นยังไงบ้าง และก็อาจจะมัวแต่ไปเรียนเรื่องที่ไม่จำเป็น รู้ตัวอีกทีก็เสียเวลาไปเป็นปีแล้ว
ถ้าสิ่งที่เบญพูดมาคือคุณล่ะก็… ถึงเวลาเปลี่ยนแปลงบทเรียนของตัวเองแล้วค่ะ
หาบทเรียนที่คุณทำตามได้ง่าย แต่มีระบบให้คุณรู้ว่าวันนี้ฉันเรียนอะไรไป อย่าเช่นคอร์ส Eng Breaking ที่เบญเอามาให้ดูข้างล่างนี้

นอกจากที่จะมีสมุดให้คุณได้เช็คลิสต์ในสิ่งที่ตัวเองต้องทำในแต่ละวันแล้ว ก็ยังมีแอพให้คุณได้ฝึกภาษาเพิ่มและช่วยให้คุณรู้ด้วยว่าคุณพัฒนาไปถึงขนาดไหนแล้ว

มีอีกหลายอย่างเลยที่คุณจะได้จากคอร์สนี้ ลองเข้าไปอ่านรีวิวที่เบญพลีชีพซื้อคอร์สนี้มาลองเรียนด้วยตัวเองได้เลยค่ะ
เห็นมั้ยคะ ไม่ต้องไปนั่งรวบรวมบทเรียนเองเลย แค่แบ่งเวลาเรียน 20-30 นาทีต่อวัน คุณเองก็เริ่มเก่งภาษาอังกฤษได้แบบจริง ๆ โดยที่ไม่ต้องไปเสียเงินหลายทอดอีกด้วย
❌ ไว้หาเวลาว่างได้ แล้วค่อยเริ่มเรียน
แบ่งเวลาเรียนเลย ไม่ต้องรอให้ทุกอย่างพร้อม
เคยได้ยินมั้ยคะว่า “Live like there's no tomorrow ใช้ชีวิตเหมือนจะไม่มีวันพรุ่งนี้”
การเรียนภาษาอังกฤษก็เช่นเดียวกันค่ะ ถ้าเรารู้ว่าไม่มีพรุ่งนี้ให้เรารอแล้ว เราก็ต้องทำมันวันนี้เลยใช่มั้ยคะ
แต่เบญก็เข้าใจว่าหลายคนทำงานประจำ ทำงานพาร์ททาม เลี้ยงลูก เรียนหนังสือ ทำงานบ้าน และอีกหลายพันอย่างที่ต้องใน 1 วัน และรู้สึกกว่าตัวเองไม่มีเวลาจริง ๆ
จริง ๆ แล้วมีหลายวิธีเลยที่จะช่วยให้คุณเก่งภาษาแม้ว่าจะมีเวลาน้อย หรือแทบจะไม่มีเวลามานั่งเรียนภาษาเลยก็ตาม
เบญได้เขียนเคล็ดลับไว้ให้เยอะแล้ว ไม่ว่าจะใช้คอร์สเรียนที่แค่เรียนวันละ 5 นาทีเท่านั้น หรือว่าฝึกภาษาอังกฤษบนมือถือเวลานั่งรอรถ หรือพักเบรก
สุดท้ายแล้ว มันก็จะวนกลับมาที่ เราเองอยากเก่งภาษาอังกฤษจริงหรือเปล่า เพราะถ้าจริง เราจะพยายามจัดตารางชีวิตของตัวเองให้ดีที่สุด
ถ้าคุณลองสังเกตุดูแล้ว วันนึงเรานั่งดูหนัง อ่านโพสต์คนอื่นบนเฟซ ไลค์รูปบนอินสตาแกรม และก็เล่นเกมบนมือถือวันละตั้งกี่นาที ทำไมเราจะไม่มีเวลาให้การเรียนภาษาเลย
คิดดูดี ๆ และที่สำคัญเริ่มเลยค่ะวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นหาคอร์สเรียนที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุด แบ่งจัดตารางไว้เรียน หรือว่าเขียนเป้าหมายว่าจะเริ่มเก่งภาษาอังกฤษได้ยังไง
แค่เริ่มทำอะไรสักอย่าง คุณก็กำลังก้าวไปข้างหน้า และเข้าไปใกล้กับความฝันที่อยากเก่งภาษาของคุณแล้วค่ะ
ยังไงเบญจะขอเป็นกำลังใจให้นะคะ และถ้ามีความเชื่ออะไรผิด ๆ อีกเกี่ยวกับสิ่งที่คนไทยทำแล้วไม่ได้ช่วยให้เก่งภาษานอกจากนี้ มาคอมเม้นกันไว้ด้วยน๊า จะรออ่านค่ะ ☺️