คุณอยากเก่งภาษา อยากพูดได้เหมือนเจ้าของภาษา อยากฟังออก แต่ก็ต้อง…
ทำงานประจำวันละ 8-10 ชม.
อ่านหนังสือสอบ
ออกกำลังกายตามที่เทรนเนอร์สั่งไว้
ทำงานบ้าน ดูแลลูก ดูแลสัตว์เลี้ยง
สังสรรค์ เม้ามอย ใช้เวลากับเพื่อน และก็ครอบครัว
คุณจะหาเวลาจากที่ไหนมาเรียนภาษาเพื่อที่จะเก่งภาษาเหมือนที่คุณฝันไว้?
แต่ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ ในโพสต์นี้ คุณจะได้รู้จักกับ 5 เคล็ดลับ ที่จะช่วยให้คุณเก่งภาษาได้แม้มีเวลาน้อย
ถ้าพร้อมแล้ว ไปเริ่มกันเลย! 💪
1. เรียนภาษาได้ทุกที่
จริง ๆ มีหลายวิธีเลยที่คุณจะเรียนหรือฝึกภาษาได้เวลาว่าจะมีเวลาน้อย แต่สิ่งหนึ่งที่คุณทำได้ และน่าจะดีที่สุดก็คือ การเรียนภาษาในช่วงที่คุณไม่ได้ทำอะไรสำคัญ
เช่น รอรถกลับบ้าน ทำอาหาร วิ่งออกกำลังกาย เข้าห้องน้ำ พักเบรคกินขนม อยู่บนเครื่องบิน และอื่น ๆ
พอจะเห็นภาพใช่มั้ยคะ ว่าจริง ๆ แล้วคุณมีเวลาพวกนั้นอยู่ในมือ และคุณจะทำอะไรกับมันก็ได้ จะเขี่ยดูโพสต์บนเฟสบุ๊ค จะดูละครบน YouTube หรือว่าจะฝึกภาษาก็ได้ 😉
ใครบอกกันว่าคุณต้องนั่งเรียนที่โรงเรียนสอนภาษา หรือนั่งเรียนหน้าคอมเท่านั้นถึงจะเก่งภาษาได้?
ฟัง Podcast
ในตอนนี้นั้นหลายคนหันมาทำ Podcast พูดถึงเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ การออกกำลังกาย คำให้กำลังใจ และหนึ่งในนั้นก็คือ Podcast สำหรับคนเรียนภาษา
ไม่ว่าคุณจะทำอะไรอยู่ แค่เปิด Podcast ฟังไปเรื่อย ๆ ก็จะทำให้คุณได้เรียนคำศัพท์ ประโยค หรือว่าฝึกหูให้ฟังสำเนียงเจ้าของภาษาเพิ่มได้โดยที่ไม่ได้ตั้งใจเลยด้วยซ้ำ
แอพเรียนภาษาบนมือถือ
ถ้าคุณเป็นอีกคนที่ชอบเล่นเกมบนมือถือ เบญรู้จักกับแอพเรียนภาษาหลายแอพเลย ที่สนุกเหมือนกับว่าคุณได้เล่นเกมอยู่เลยค่ะ
คุณจะได้เรียนภาษาเพิ่มผ่านการจับคู่คำศัพท์ เรียงคำ และก็สะกดคำ แค่ฟังดูก็น่าสนุกแล้วใช่มั้ยคะ อย่าลืมเข้าไปหาแอพที่ตัวเองชอบ และโหลดเอาไว้ฝึกภาษาด้วยนะ
การ์ดคำศัพท์/ประโยค
อีกสิ่งนึงที่ะคุณก็ทำได้ทุกที่เลยก็คือ หากระดาษแผ่นเล็ก ๆ ร้อยต่อกันไว้ อาจจะเป็นคำศัพท์ หรือประโยคจากบทเรียนที่คุณเพิ่งเรียนไปเมื่อวาน หรือว่าจากแอพข้างบนนี้
คุณก็เขียนมันลงไปบนกระดาษ และหยิบขึ้นมาอ่านออกเสียงซ้ำ ๆ จำความหมาย เวลาที่คุณนั่งทำธุระบนโถส้วม หรือว่านั่งรอรถประจำทางก็ได้
และจริง ๆ ก็มีอีกหลายอย่างเลยค่ะที่คุณทำได้ เช่น ดูหนังเป็นภาษาที่คุณอยากเก่ง หรือว่าฟังเพลงในภาษานั้น ๆ ก็จะช่วยให้ภาษาของคุณพัฒนาได้แบบไฮสปีดเลยค่ะ
เบญเชื่อจริง ๆ ว่าเวลาทุกวินาทีของเรามีค่า และเราใช้มันให้เป็นประโยชน์ในการที่จะช่วยให้เราเก่งภาษาได้
2. เลือกคอร์สเรียนที่ทำตามได้ง่าย
เราทุกคนก็เคยทำแบบนี้มาก่อน ดูวีดีโอบน YouTube เรียนตามบล็อกที่มีคนฟรี อ่านหนังสือเรียนภาษาด้วยตัวเอง และก็มีลิสต์ 101 สิ่งที่ควรทำถ้าอยากเก่งภาษา
ใช้เวลาไปเยอะมากกว่าจะรวบรวมข้อมูล หรือแหล่งที่เรียนภาษามาทั้งหมด แต่สุดท้ายคุณก็งงเพราะไม่รู้ว่าต้องเริ่มจากตรงไหน
แต่เบญจะบอกว่า คุณจะมีเวลาเหลือเยอะมากที่จะไปโฟกัสในการฝึกภาษาในด้านอื่น ๆ ถ้าคุณเลือกคอร์สเรียนภาษาออนไลน์ที่เค้าเตรียมทุกอย่างไว้ให้คุณหมด เช่น
EnglishClass 101 ดูวีดีโอ 2-5 นาที ฝึกพูด-ฟังคำศัพท์ ประโยค และเรียนแกรมม่า
Cambly แค่เข้าเรียนภาษากับคุณครูเจ้าของภาษา 15 นาที ไม่ต้องเตรียมอะไรเลย
และคอร์สเรียนภาษาออนไลน์ที่ดีที่สุดอื่น ๆ ที่มีบทเรียนให้คุณทำตาม ทั้งง่าย ใช้เวลาน้อย มีประสิทธิภาพ และช่วยให้คุณเก่งภาษาได้จริง
การเลือกลงเรียนภาษาออนไลน์ เป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตที่มีเวลาน้อยมาก ๆ ของเบญ และรับรองได้เลยว่าคุณก็จะรู้สึกเหมือนกัน
3. เรียนฉลาด เลือกเรียนในสิ่งที่จำเป็น
ข้อดีของการเลือกคอร์สเรียนเอง คุณไม่จำเป็นต้องเรียนแต่แกรมม่า เขียน อ่าน เหมือนกับตอนที่เรียนมาที่โรงเรียนอีกแล้ว
ความคิดที่ว่า อยากพูดได้ต้องเรียนแกรมม่า อยากแต่งประโยคเก่งต้องเรียนแกรมม่า อยากคุยกับฝรั่งแบบมั่นใจต้องเรียนแกรมม่า มันไม่จริงเลย!
ไม่ว่าคุณจะอยากเก่งในเรื่องไหนก็ตาม เน้นไปที่ตรงนั้นก่อน และยังไงแกรมม่าก็จะไม่หนีเราไปไหน จะแอบแฝงมาในบทเรียนอยู่แล้วค่ะ ไม่ต้องกลัวเลย
ดังนั้นคุณเลือก และควรเลือกเน้นเรียนในสิ่งที่คุณอยากพัฒนา เช่น
อยากพูด สนทนาเก่ง – เลือกคอร์สที่ได้ฝึกพูด-ฟังตัวต่อตัวกับเจ้าของภาษา
อยากได้คำศัพท์เพิ่ม – เลือกคอร์สที่ช่วยให้จำคำศัพท์ได้แบบไม่ต้องนั่งท่อง
อยากแต่งประโยคเป็น – เลือกคอร์สที่มีประโยคทั่วไปให้คุณได้ฝึกใช้กับ Ai
อยากติวสอบสัมภาษณ์งาน – เลือกคอร์สที่มีติวเตอร์ให้เลือก และฝึกแบบจริง ๆ
คุณจะประหยัดเวลาได้เยอะ และเอาเวลานั้นไปฝึกใช้ภาษาจริง ๆ กับคนอื่น หรือว่าเอาไปเที่ยวกับเพื่อน ไปกินข้าวกับครอบครัวก็ยังได้เลยค่ะ
4. เรียนบ่อย ๆ ดีกว่าเรียนนาน ๆ
หลายคนมีความชอบในการใช้ระยะเวลาเรียนภาษาต่างกันไป บางคนรู้สึกว่าตัวเองเรียนได้เยอะถ้าใช้เวลามากกว่า 1 ชม. บางคนรู้สึกว่าแค่ 30 นาที ก็เต็มที่แล้ว
ความจริงก็คือว่า… คุณไม่จำเป็นต้องเรียนภาษานาน ๆ ถ้าอยากเก่งภาษา
เพราะกุญแจสำคัญของการเก่งภาษาก็คือ การเรียนอย่างสม่ำเสมอ
เบญแนะนำให้คุณแบ่งเวลาวันละ 5-30 นาที เรียนภาษาที่คุณอยากเก่งกับคอร์สเรียนภาษาออนไลน์ที่คุณชอบ
ไม่ว่าจะเป็น เรียนคำศัพท์แค่ 5 นาที หรือเรียนประโยคสนทนา 10 นาที และเรียนตัวต่อตัวกับเจ้าของภาษา 15 นาที แต่คุณทำให้สม่ำเสมอ ก็คือมากกว่าแค่ 1 ครั้งต่ออาทิตย์

ตามตารางที่เบญเขียนมาให้ดูข้างบน เห็นมั้ยคะว่า ต่อให้คุณต้องทำงานทุกวัน เจอเพื่อนทุกวัน มีน้องหมาน้องแมวให้ดูแล มีงานบ้านให้ทำ และยังต้องออกกำลังกายดูแลตัวเอง
แต่คุณก็จัดเวลาแค่วันละนิดหน่อยแบบสม่ำเสมอ เรียนและฝึกภาษาที่คุณอยากเก่งได้
ตอนนี้คุณอาจจะคิดว่า แล้วทำไมไม่รวมเวลาที่ต้องแบ่งแต่ละวัน เป็นวันเดียวเลยล่ะ เช่น เรียน 1 ชม./อาทิตย์
สำหรับเบญคิดว่า การที่เราเรียนบ่อย ๆ จะทำให้เราได้ฝึกอยู่เสมอ ไม่ลืมง่าย และก็เข้าใจมากขึ้นด้วย บางคนทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ถ้าจะให้มานั่งเรียนอีก 1 ชม. ก็หนักอยู่
และส่วนใหญ่สมองของเราก็รับรู้ และโฟกัสได้ดีในระยะเวลาสั้น ๆ ทำให้เราได้รับคำศัพท์ ประโยค หรือการพูด-ฟังไปเต็ม ๆ 100% ถ้าเราเรียนวันละไม่นาน
เพราะหลังจากนั้นสมองเราจะล้า และเวลาที่เหลือ เราก็แทบไม่ได้รับอะไรเลย
ถ้าคุณไม่เคยจัดตารางการเรียนภาษาแบบนี้มาก่อน เบญอยากท้าทายให้คุณลองทำดูนะคะ เบญเชื่อว่าคุณจะสนุกกับการเรียนภาษามากขึ้น และเห็นการพัฒนาของตัวเองไวขึ้น
5. ฝึกใช้ภาษาให้ได้มากที่สุดในแต่ละวัน
เบญคิดว่า การที่เราจะบอกว่าตัวเองเก่งภาษา ก็คือต่อเมื่อเราพูด ฟัง คิด และสนทนาได้แบบไหลลื่น โดยที่ไม่ต้องหยุดคิดนาน ๆ หรือวิ่งหนีเวลาที่เจอกับเจ้าของภาษา
และไม่ว่าคุณจะอยากเก่งภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น หรือภาษาอะไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่คุณต้องทำก็คือ การใช้สิ่งที่เรียนมาแล้วให้มากที่สุด
เพราะมันไม่มีความหมายอะไร ถ้าคุณจะเรียนมาอย่างหนัก หรือรู้จักทุกคำศัพท์ แต่เก็บมันไว้กับตัวเอง และไม่เคยได้ใช้มันเลย (คุณจะลืมแน่ ๆ)
ใช้ภาษากับคนรอบตัว ถ้าคุณเองอยู่ในสภาพแวดล้อมที่คนรอบตัวใช้ภาษานี้ในการพูดคุยอยู่แล้ว ก็ถือว่าดีมากเลยค่ะ ให้ฉวยโอกาสนั้นไว้ และพยายามใช้ภาษาให้มากที่สุด
ลองมองไปรอบ ๆ ตัวคุณ และดูสิว่า… คุณใช้ภาษาที่คุณกำลังเรียนอยู่กับใครได้บ้าง:
เพื่อนต่างชาติในที่ทำงาน
ถ้าคุณได้เจอกับเพื่อนร่วมงาน หรือลูกค้าที่ใช้ภาษานั้นอยู่แล้ว ก็อย่าลืมที่จะพูดคุยกับเค้าบ่อย ๆ ไม่ใช่แค่เรื่องงาน แต่เรื่องทั่วไปด้วย
เพื่อนที่เรียนภาษาอยู่เหมือนกัน
คุณมีเพื่อน 1-2 คนที่กำลังอยากเก่งภาษานี้เหมือนกับคุณ ก็อย่าลืมเริ่มคุย/แชทกันเป็นภาษานั้น แม้ว่าเราอาจจะรู้สึกว่าต่างคนต่างยังไม่เก่ง แต่มันจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับคุณในการใช้ภาษา และไม่กลัวที่จะพูดผิดอีกต่อไป
ครูเจ้าของภาษา
ถ้าคุณไม่มีเพื่อนร่วมงาน หรือเพื่อนที่รู้จักที่พูดภาษานั้นเป็นจริง ๆ เบญแนะนำให้ตามหาครูเจ้าของภาษาบน iTalki ที่คุณจะฝึกใช้ภาษาด้วยได้ และจะได้ความรู้เพิ่มเติมกลับไปด้วยค่ะ
ใช้ภาษากับตัวเอง อย่าจำกัดตัวเองว่า…เราจะต้องฝึกใช้ภาษากับคนอื่นเท่านั้น เพราะจริง ๆ แล้วคนที่อยู่กับคุณทั้งวัน และพร้อมฝึกภาษาไปกับคุณตลอดเวลาก็คือ ตัวคุณเอง
เบญเป็นคนนึงที่ชอบฝึกพูดภาษาอังกฤษกับตัวเองตอนที่กำลังเข้าห้องน้ำอยู่ พูดสิ่งที่ตัวเองกำลังคิดอยู่ออกมา ไม่ว่าจะเป็นของที่อยากจะซื้อ สิ่งที่จะทำวันนี้
แต่ไม่ต้องรู้สึกแปลก ๆ เลยนะคะ เพราะเบญเชื่อว่าทุกคนก็ทำอยู่แล้วในภาษาไทย เพราะฉะนั้นถ้าจะเปลี่ยนสิ่งที่เราทำเป็นประจำให้เป็นภาษาที่เราอยากเก่งก็คงไม่ยากเท่าไหร่
หากิจกรรมสร้างสรรค์ที่จะฝึกพูดภาษากับตัวเอง และได้ผลจริง ทำง่าย ๆ เลย เช่น
ฝึกพูดกับตัวเองในกระจก
พูดประโยคสิ่งที่ตัวเองกำลังทำ
เขียน Freewriting และฝึกอ่านออกเสียง
และมีอีกหลายวิธีเลย ที่คุณจะฝึกพูดภาษากับตัวเองได้ และเก่งภาษาด้วยตัวเอง โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีใครให้เราฝึกพูดด้วย
ใช้ภาษากับ Ai บนแอพ ต้องขอบคุณเทคโนโยนีในสมัยนี้ ที่มีแอพเรียนภาษา และโทรศัพท์มือถือเครื่องเดียว คุณก็ฝึกภาษาได้เหมือนกับมีเจ้าของภาษามาอยู่ใกล้ ๆ เลย
และแอพ Mondly ที่เบญอยากจะแนะนำให้คุณรู้จัก ก็เป็นอีกแอพที่คุณใส่เสียงฝึกพูดสนทนากับ Ai ได้ ทำให้คุณรู้ว่าควรจะถามยังไง หรือตอบยังไง ด้วยบทเรียน Chatbot มีหลายหัวข้อให้คุณได้ฝึกด้วยนะคะ
ตอนที่เบญฝึกพูดกับแอพ Mondly เบญรู้สึกว่าตัวเองได้คุยกับเจ้าของภาษาจริง ๆ เลยค่ะ แต่เราไม่ต้องรู้สึกกดดันมากเท่าไหร่ว่าเราตอบช้าหรือเร็ว 😂
อย่าลืมโหลดแอพ Mondly ไว้เป็นเพื่อนช่วยคุณฝึกภาษาบนมือถือนะคะ รับรองว่าคุณจะต้องชอบแอพนี้เหมือนเบญแน่นอน
แต่ถ้าคุณมีเพื่อน/ครูเจ้าของภาษาที่จะฝึกด้วยแล้ว ก็ยังฝึกกับตัวเองได้ และฝึกกับแอพแบบที่เบญแนะนำข้างบนได้เลยนะคะ ไม่ต้องเลือกทำแบบใดแบบหนึ่ง แค่หาโอกาสให้ตัวเองได้ใช้ภาษามากที่สุดก็พอ
เขียนคอมเม้นมาบอกกันบ้างนะคะ ถ้าเคล็ดลับที่เบญเอามาฝากวันนี้ช่วยคุณได้จริง ๆ
เบญขอเป็นกำลังใจให้คุณเริ่มเลยวันนี้ และความฝันที่อยากจะเก่งภาษาของคุณจะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมเลยค่ะ 🙂