ถ้าคุณอยากเรียนภาษาอังกฤษ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง มาดู และเริ่มเก่งภาษาไปพร้อมกัน

|
5 วิธี เริ่มเรียนภาษาอังกฤษ ให้ประสบความสำเร็จ

การเริ่มเรียนภาษาอังกฤษนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่การเริ่มเรียนภาษาอังกฤษยังไงให้ได้ผล และประสบความสำเร็จเป็นอีกเรื่องนึงค่ะ

บางคนอาจจะบอกว่า ก็เริ่มเรียนอ่านภาษาอังกฤษไปเลย เดี๋ยวอย่างอื่นก็ได้เอง

บางคนอาจจะบอกว่า เรียนพูดสิ อย่างน้อยฟังไม่ออก เขียนไม่ได้ อ่านไม่ได้ แต่พูดได้ก็พอแล้ว

หรือหลายคนรวมถึงหลายโรงเรียน อาจจะแนะนำว่าให้เรียนหลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษก่อน เราถึงจะเก่งอย่างอื่นได้

แต่โดยส่วนตัวแล้ว เบญคิดว่าเราสามารถเรียนทุกอย่างตามระดับของเรา และเริ่มพัฒนาไปพร้อม ๆ กันได้ค่ะ เราต้องแน่ใจว่าเราจะเริ่มปูพื้นฐานภาษาอังกฤษของเราให้มั่นคงตั้งแต่ระดับง่าย ๆ เลย

เพราะมีหลายคนที่ไม่อยากเสียเวลาในการเรียนภาษาอังกฤษพื้นฐาน และก็กระโดดข้ามไปที่ Advance หรือขั้นสูงเลย

มันก็ไม่ได้ผิดนะคะ แต่เบญแค่คิดว่าเราจะพลาดอะไรไปเยอะเลย และถ้าพื้นฐานเราไม่มั่นคง ไม่ดี เราก็อาจจะไปไม่ได้ไกลมาก และไม่ประสบความสำเร็จไปถึงในจุดที่เราอยากไปค่ะ

วิธีที่ 1 เริ่มตั้งคำถามนี้กับตัวเอง..

– ทำไมฉันถึงอยากเรียน?

– ฉันอยากเรียนภาษาอังกฤษเรื่องอะไร?

ก่อนที่เพื่อน ๆ จะเริ่มบุกตรงเข้าไปเรียนภาษาอังกฤษที่โรงเรียนเรียน หรือตามหาบทเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์

เบญอยากให้เพื่อน ๆ ลองนั่งลง ตั้งสติ หายใจเข้าลึก ๆ หายใจออกยาว ๆ

และคิดดูว่า ทำไมฉันถึงอยากเรียนภาษาอังกฤษ?

คำถามนี้ไม่ได้ถึงแรงบันดาลใจ หรือเรื่องลึกลับอะไร จิตใต้สำนึกลึก ๆ อะไรแบบนั้นนะคะ แต่หมายถึง..

อะไรคือเหตุผลที่ทำให้เราอยากเรียนภาษาอังกฤษในตอนนี้ เช่น

① ฉันจะไปเที่ยวต่างประเทศเดือนหน้า แต่ยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย

② ฉันอยากไปสอบเลื่อนขั้นที่ทำงาน แต่ไม่ค่อยรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษมากเท่าไหร่

③ ฉันมีเพื่อนต่างชาติที่คุยกันอยู่ แต่ปัจจุบันเราส่งแค่สติ๊กเกอร์กับอิโมจิ แต่งประโยคไม่เก่งเลย

และอีกมากมายค่ะ หรือเหตุผลหลักของเพื่อน ๆ ที่อยากเรียนภาษาอังกฤษ อาจจะเป็นแค่อยากเรียนก็ได้

แต่ถ้าเรารู้เหตุผลหลักจริง ๆ ว่าเราอยากเริ่มเรียนภาษาอังกฤษเพราะอะไร เราก็จะสามารถดึงจุดโฟกัสไปที่สิ่งนั้นง่ายขึ้น เช่น

ถ้าเราอยากไปเที่ยวต่างประเทศ แปลว่า เราอยากพัฒนาเรื่องการสื่อสารภาษาอังกฤษของเรา

เราก็อาจจะเลือกให้ Speaking & Listening การฟังและการพูดภาษาอังกฤษอยู่บน Top list ของเรา และอื่น ๆ ตามมา ประมาณนั้นค่ะ

เพราะฉะนั้นอย่าลืมจดมันลงบนกระดาษถ้าหากเพื่อน ๆ เจอคำตอบแล้ว

บทเรียนภาษาอังกฤษหลัก ๆ มีดังนี้ค่ะ

Grammar

คือ ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ เป็นโครงสร้าง ที่ช่วยบอกว่า ในหนึ่งประโยคภาษาอังกฤษนั้นควรมีอะไรบ้าง เช่น

คำนาม (Nouns), คำกริยา (Verbs), การใช้ a, an และ the นำหน้าคำต่าง ๆ หรือประโยคบอกเล่า ต้องใส่อะไรขึ้น ก่อนหลัง ประมาณนั้นค่ะ

Reading and Writing

การอ่าน และการเขียนภาษาอังกฤษ ส่วนหลัก ๆ เป็นการรู้จักการคำความเข้าใจในบทความ ประโยคภาษาอังกฤษ เช่น

การอ่านออกเสียงคำให้ถูกต้อง (Pronunciation), คำศัพท์ทั่วไป (Vocabulary) และการสะกดคำ (Spelling)

Speaking and Listening

การพูดภาษาอังกฤษ และการฟังภาษาอังกฤษ บทเเรียนนี้ฟังดูง่าย แค่พูด ๆ ฟัง ๆ เดี๋ยวก็เอง แต่เป็นบทเรียนนึงเลย ที่ต้องใช้เวลา และการฝึกฝนค่อนข้างมาก เช่น

การทำหูให้ชินกับสำเนียงภาษาอังกฤษ (Accents) และ เรียนรู้กับวัฒนธรรมอังกฤษ (Culture)

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราเองก็ต้องเรียนทุกอย่าง ไม่สามารถเลือกเรียนอย่างใดอย่างหนึ่งได้ค่ะ

เพราะถ้าเราเลือกเรียนแค่ พูดกับฟัง เราก็จะเป็นคนที่พูดมั่ว ๆ เพราะเราไม่รู้โครงสร้างประโยคจากการเรียนไวยากรณ์

หรือถ้าเราเลือกโฟกัสเรียนแค่ไวยากรณ์อย่างเดียว เราอาจจะเก่งเรื่องโครงสร้างประโยค แต่พอมาถึงเวลาที่ต้องพูดภาษาอังกฤษจริง ๆ เรานึกไม่ออก เพราะไม่เคยได้ฝึกฝน หรือฟังคนที่เราคุยด้วยไม่รู้เรื่องเลย

เพราะฉะนั้นเบญขอแนะนำว่า ถ้าเกิดเรารู้แล้วว่าเหตุผลที่เราอยากเรียนภาษาอังกฤษคืออะไร

เราก็สามารถเริ่มวางแผนเลือกจัดอันดับสิ่งที่เราอยากเรียน หรืออยากทุ่มเวลาให้มากที่สุด เรียงลำดับกันลงไป


วิธีที่ 2 เริ่มวัดระดับภาษาอังกฤษของฉัน

ถ้าเราไม่เคยรู้ระดับภาษาอังกฤษของเราเลย เราก็อาจจะงง ๆ อยู่ว่าเราต้องเริ่มเรียนภาษาอังกฤษจากระดับไหน

เพราะสำหรับบางคน อาจจะเคยเรียนมาแล้ว แต่ก็นานมาแล้วด้วย จริง ๆ แล้วเราอาจจะยังจำบทเรียนได้ และยังใช้เป็นอยู่ เราก็ไม่จำเป็นต้องกลับไปเรียนบทเรียนที่เรารู้อยู่แล้วค่ะ

วัดระดับไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ: มีหลายเว็บ และส่วนใหญ่เว็บออนไลน์ก็จะมีให้ทดสอบวัดระดับไวยากรณ์ภาษาอังกฤษของเราฟรีนะคะ

วัดระดับการอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษ: เราสามารถสังเกตุได้เองด้วยจากการอ่านข้อความสั้น ๆ และเราสามารถแปลเป็นภาษาไทย

หรือเข้าใจบทความนั้นได้มากขนาดไหน หรือสามารถทำแบบทดสอบออนไลน์ได้เลยค่ะ

วัดระดับการพูดและการฟังภาษาอังกฤษ: สามารถวัดได้จากการดูหนังทั่วไป ลองไม่เปิดซัพไตเติ้ลภาษาไทยดูค่ะ ว่าเราจับประโยคได้มากแค่ไหน

หรือตาม Youtube ก็มีแบบทดสอบให้เราทำ เช่น เค้าจะให้คำถาม และเราตอบเค้า เช่น…

เบญเคยทำโพสต์เกี่ยวกับการแนะนำเว็บที่มีแบบทดสอบวัดระดับภาษาอังกฤษของเราออนไลน์ ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย

เพื่อน ๆ สารถเข้าไปเลือกเว็บที่เราอยากเข้าไปทดสอบภาษาอังกฤษได้เลยนะคะ

มีทั้งไวยากรณ์อย่างเดียว และการอ่านกับการฟังค่ะ ที่โพสต์นี้เลยค่ะ แนะนำเว็บทดสอบภาษาอังกฤษ วัดระดับฟรี


วิธีที่ 3 เริ่มคิดเรื่องการลงทุน

ฉันมีงบประมาณ เวลา มากเท่าไหร่?

การลงทุนเป็นอย่างหนึ่งที่เราเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว เมื่อเราต้องการได้บางสิ่งบางอย่างกลับมา

เริ่มเรียนภาษาอังกฤษ

การเริ่มเรียนภาษาอังกฤษเองก็เป็นการเริ่มลงทุนอย่างหนึ่ง เช่นเดียวกัน เบญคิดว่าเพื่อน ๆ คงรู้จักข้อนี้ดีนะคะ

และทุกครั้งก่อนที่เราจะเริ่มลงทุนกับอะไร เราควรจะมีการวางแผน และจัดงบประมาณให้ถูกต้อง เช่น

ถ้าเราอยากเริ่มเรียนภาษาอังกฤษ และเรามีงานประจำที่เราทำอยู่แล้ว เรารู้เลยว่า…

เราคงไม่สามารถเรียนภาษาอังกฤษ 24 ชม.ได้ แม้กระทั่งเราอยากจะเก่งภาษาอังกฤษไวมากขนาดไหนก็ตาม

หรือเราอาจจะเพิ่งเรียนจบ และเพิ่งได้ทำงาน มีเงินเดือนแต่ไม่มาก เราเช่าห้องอยู่ ผ่อนมอเตอร์ไซค์ และเราจะวางงบประมาณเงินที่เราลงทุนในการเรียนภาษาอังกฤษตามความเหมาะสม

และเราไม่ต้องกินแต่มาม่าตอนสิ้นเดือนได้เท่าไหร่

เพราะฉะนั้นวันนี้เบญมีคำถาม 2 ข้อ เกี่ยวกับการลงทุนเริ่มเรียนภาษาอังกฤษนี้ค่ะ

① ฉันมีทุนมากเท่าไหร่?

อย่าลืมนะคะ ว่าทุนในที่นี้ เราพูดกับถึง ทรัพยากรทั้งหมด เช่น เวลา เงิน และอื่น ๆ

เริ่มเรียนภาษาอังกฤษ

เพื่อน ๆ ลองนั่งเช็ครายรับรายจ่าย และตารางชีวิตของเราในแต่ละวันดูค่

ะ ว่าเรามีทุนให้กับการเริ่มเรียนภาษาอังกฤษครั้งนี้ให้สำเร็จมากแค่ไหน เช่น

เพื่อน ๆ อาจจะไม่มีปัญหาเรื่องเงิน สามารถใช้งบเท่าไหร่ก็ได้ในการเรียนภาษาอังกฤษครั้งนี้

แต่ยังไงก็ดีที่สุด ถ้าเพื่อน ๆ ตั้งงบประมาณไว้ให้สมเหตุสมผลค่ะ

หรือเพื่อน ๆ มานั่งดูรายจ่ายของตัวเองแล้ว รู้สึกว่าตอนนี้นั้น รายจ่าย กับรายรับมันพอดีกันเลย บางเดือนก็แทบจะไม่พออยู่แล้ว

ให้เรานั้น be honest หรือเปิดใจและดูสถานการณ์จริง ๆ ของตัวเองตอนนี้มากที่สุดค่ะ

เบญเคยมีประสบการณ์ อยากเรียนดนตรี และก็ไม่ได้เช็คตารางเวลาตัวเอง ไม่ได้เช็คเงินในกระเป๋าตัวเอง และก็ดุ่ม ๆ ไปซื้อคอร์สโดยที่ไม่ได้เช็คข้อมูลเพิ่มเติม

สุดท้ายแล้ว เสียเงินไป แต่เวลาเรียนดนตรี ไม่เข้ากันกับตารางชีวิตของเบญ เนื่องจากตอนนั้นเบญทำงานประจำ และก็แทบไม่มีเวลาว่างหายใจอยู่แล้ว

และเบญก็ยิ่งอยากทำงานหนักขึ้นเพราะต้องเอาเงินมาชดเชยค่าคอร์สที่ซื้อไป

สุดท้ายก็เสียเงินเปล่าค่ะ T_T

เพราะฉะนั้นเพื่อน ๆ ต้องดูทุนที่ตัวเองมีอยู่ในมือจริง ๆ นะคะ ตอนนี้ว่าสถานการณ์เป็นยังไง ก่อนที่เราจะด่วนตัดสินใจ

② ฉันอยากลงทุนมากเท่าไหร่

หลังจากที่เราได้ใช้เวลาสักแป๊บในการตอนคำถามอย่างเปิดอกเปิดใจกับตัวเอง ว่าสถานการณ์ปัจจุบันของฉันเป็นยังไง ทั้งเรื่องการเงิน และตารางชีวิต

บางคนอาจจะมีทุนเงิน แต่ไม่มีทุนเวลา หรือบางคนอาจจะมีทุนเวลา แต่ไม่มีทุนเงิน

และบางคนอาจจะมีทั้งทุนเงิน และทุนเวลา แต่เบญก็เชื่อว่ายังมีอีกหลายคน ที่ไม่มีทั้งทุนเงิน และก็ไม่มีทั้งทุนเวลา

ถ้าเพื่อน ๆ กำลังอยู่ในจุดนี้ ที่เรารู้สึกว่าเราไม่มีทุนอะไรสักอย่าง คำถามต่อไปก็คือ แล้วเพื่อน ๆ อยากลงทุนกับความสำเร็จนี้มากเท่าไหร่คะ?

จริง ๆ การลงทุนเพื่อเริ่มเรียนภาษาอังกฤษให้ประสบความสำเร็จนั้น มันก็คล้าย ๆ กับภาพ เวลาเราหาเงิน เก็บเงิน และหาเวลา ไปนั่งกินหมูกระทะ หรือชาบู มันเป็นการลงทุนแบบเดียวกันเลยค่ะ

แต่เบญเชื่อว่าหลาย ๆ คนยังรู้สึกว่าการลงทุนกับภาษายังไม่ใช่สิ่งที่เป็นแรงจูงใจที่ดีพอให้กับตัวเองเท่าไหร่

แต่! เบญอยากให้เพื่อน ๆ กลับไปอ่านที่ วิธีที่ 1 ค่ะ ทำไมเพื่อน ๆ ถึงอยากเริ่มเรียนภาษาอังกฤษให้ประสบความสำเร็จ?

เบญเชื่อว่ามันสามารถเป็นแรงจูงใจได้ดีอย่างหนึ่งเลยค่ะ

เริ่มเรียนภาษาอังกฤษ

ลองมาดูกันว่า ทำไมเราถึงต้องลงทุนให้กับการเรียนภาษา?

เพราะ…การลงทุนกับภาษา เราไม่ต้องลงทุนกับความเสี่ยง

หลาย ๆ ครั้งในการลงทุนให้กับอะไร แม้กระทั่งเก็บเงินไปกินหมูกระทะ ก็แทบจะไม่มีอะไรรับประกันเลยว่า

วันนั้นเราจะกินคุ้มมั้ย หรือของกินที่นั่นจะอร่อยอย่างที่เค้าร่ำลือกันไว้หรือเปล่า

แต่ถ้าเราลงทุนกับการเรียนภาษาอังกฤษ เรารู้ว่าการลงทุนให้กับความรู้ เราไม่มีทางขาดทุนอยู่แล้ว ถ้าเราเลือกลงทุนให้ตรงกับสิ่งที่เราอยากได้ และลงทุนถูกที่

เราจะเริ่มลงทุนกับภาษาได้ยังไงบ้าง?

ทุนเงิน ถ้าเพื่อน ๆ ยังไม่มีเงินทุนสำหรับการเริ่มเรียนภาษาอังกฤษนี้ เพื่อน ๆ ก็อาจจะลองคิดดูว่าจะทำไมยัง เช่น

① ประหยัดมากขึ้น ไม่ซื้อเสื้อผ้าออนไลน์ถ้าไม่จำเป็น

② เริ่มออมเงินนิด ๆ หน่อย ๆ ในทุก ๆ เดือนจนครบที่เราตั้งเป้าไว้

③ หางานพิเศษทำ ถ้าเรามีเวลาเหลือเยอะ เพื่อเพิ่มรายได้

ทุนเวลา ถ้าเพื่อน ๆ รู้สึกว่าตารางชีวิตยุ่งมากเลย และรู้สึกว่าหาเวลาให้กับการเรียนภาษาอังก็นี้ไม่ได้เลย ก็ลองทำวิธีนี้ดูค่ะ เช่น

① สละเวลาเที่ยว มาจัดให้เป็นตารางเรียนแทน (ฟังดูไม่ง่ายเลยสำหรับวัยรุ่น แต่เราทำได้ค่ะ สู้ ๆ)

② สละ 1-2 ชม. ในวันหยุดเพื่อไปเรียนภาษาอังกฤษ

③ พยายามจัดตาราง 1 วันของเราให้มีประโยชน์มากที่สุด ถ้าเราเห็นช่องว่างตรงไหน ที่เราสามารถ ใส่การเรียนเข้าไปได้ ก็ลองทำดูค่ะ

สุดท้ายนี้ การลงทุนเป็นแค่อีกวิธีนึงที่จะช่วยให้เพื่อน ๆ เริ่มเรียนภาษาอังกฤษให้ประสบความสำเร็จ

แต่ถ้าเพื่อน ๆ รู้สึกว่าลองดูวิธีข้างบนนั้นที่เบญแนะนำแล้ว แต่ก็ยังหาทุนเงิน และทุนเวลาไม่ได้อยู่ดี

ไม่ต้องกังวลนะคะ ทุกปัญหามีทางออกแน่นอน ทางออกของเราอยู่ที่วิธีที่ 4 ข้างล่างนี้เองค่ะ ไปดูกันเล้ยย


วิธีที่ 4 เริ่มตัดสินใจเลือกวิธีที่ฉันอยากเรียน

หลังจากผ่านกระบวนการ นั่งคิด นอนคิด ทั้งเหตุผลที่อยากเรียน อยากเรียนอะไร อยู่ในระดับอะไร และมีทุนเท่าไหร่ไปแล้ว

เริ่มเรียนภาษาอังกฤษ

คราวนี้มาถึงเวลาที่เราต้องตัดสินใจแล้วค่ะ ว่าเราอยากจะเรียนแบบไหน

การเรียนภาษาอังกฤษนั้น เราสามารถเรียนได้หลายแบบนะคะ ก็ขึ้นอยู่กับทุนที่เบญได้อธิบายไปแล้วเมื่อวิธีที่ 3

เพราะถ้าเรารู้ว่าเรามีทุนเท่าไหร่ เราจะได้ตัดสินใจเลือกวิธีเรียนที่เหมาะกับเรา และทุนของเราค่ะ

เรามาดูวีธีเรียนที่เราสามารถเลือกได้กันนะคะ และเบญจะเขียนข้อดีและข้อเสียไว้ใต้วิธีเรียนนั้น ๆ ด้วย เพื่อที่จะช่วยเพื่อน ๆ ในการตัดสินใจในครั้งนี้ค่า

เรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง

① เรียนภาษาอังกฤษจากหนังสือ

เราสามารถขอหนังสือจากคนที่เรารู้จัก และกลับมาศึกษาเองที่บ้านได้ค่ะ หรือว่าจะไปซื้อหนังสือจากร้านหนังสือในห้างแถว ๆ บ้านเรา

เช่น B2S หรือสามารถซื้อหนังสือเรียนออนไลน์ได้ เช่น Amazon เพื่อน ๆ ก็สามารถพิมพ์สิ่งที่อยากเรียนเข้าไปในช่องค้นหาได้เลยค่ะ

② เรียนภาษาอังกฤษจากอินเตอร์เน็ต

สมัยนี้นั้นมีบทเรียนออนไลน์ที่เราสามารถโหลด และก็เรียนเองที่บ้านได้ทั้งฟรี และเสียเงิน

ดูหนังที่เป็นภาษาอังกฤษ ก็ช่วยเราได้ หรือเล่นเกมภาษาอังกฤษออนไลน์ ก็ช่วยเราได้เหมือนกัน

ทุนเงินที่ต้องการ: ฟรี-ไม่แพงมาก

ทุนเวลาที่ต้องการ: น่าจะเสียเวลาตอนตามหาหนังสือที่ใช่ และจะใช้เวลาเรียนเองค่อนข้างนาน เพราะต้องทำความเข้าใจเอง

แต่เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลา เพราะเราสามารถจัดเวลาได้เอง ว่าจะเรียนวันไหน เวลาไหน

แต่ถ้าไม่อยากเสียเวลาไปหาคอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ฟรีที่ดีเอง เบญมีคอร์สนั้นมาแนะนำค่ะ เพื่อน ๆ สามารถไปอ่านรีวิวเพิ่มเติมได้เลย หรือไปตามหาคอร์สเรียนอื่น ๆ ที่ส่วนใหญ่จะมีให้ทดลองเรียนฟรีค่ะ

เรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวที่บ้าน / โรงเรียน

สมัยนี้เค้ามีสอนตัวต่อตัวที่บ้านด้วย อาจจะเป็นคนที่เรารู้จักอยู่แล้ว และเค้ารับสอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวที่บ้าน

แต่อยากแนะนำให้เราหาข้อมูลเกี่ยวกับคนที่จะมาสอนตัวต่อตัวให้กับเรา เพราะว่าสมัยนี้ก็น่ากลัวอยู่ โดยเฉพาะเพื่อน ๆ ที่เป็นหญิง

เพราะฉะนั้นต้องเช็คประวัติ และให้คนอื่นมาอยู่ที่บ้านด้วยตอนที่เค้ามาสอนเราก็จะยิ่งดีค่ะ

แต่ถ้าไปเรียนที่โรงเรียนก็จะต้องเสียเวลานั่งรถไป รถติด หรือว่าวันไหนฝนตกหนัก ก็ไม่สามารถไปเรียนได้ หรือเราตื่นสาย มีธุระกระทันหันก็ต้องยกเลิกบทเรียน

ทุนเงินที่ต้องการ: ราคาแพง – แพงมาก (โดยเฉพาะถ้ายิ่งเป็นคุณครูเจ้าของภาษาก็จะยิ่งแพง)

ทุนเวลาที่ต้องการ: เสียเวลามากหน่อยที่ต้องตามหา และเช็คประวัติ แต่เมื่อเค้ามาสอนจริง ๆ ต้องเสียเวลา และเงิน นั่งรถไปเรีนที่โรงเรียน และเวลาว่างของเราก็ต้องตรงกับเวลาว่างของคุณครูด้วย

เบญมีอีกหนึ่งทางเลือกอยากจะแนะนำค่ะ เป็นคอร์สเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว ที่เพื่อน ๆ สามารถเลือกครูได้เอง เลือกเวลาเรียนได้ และเลือกงบประมาณของตัวเองได้ด้วย

รับรองว่าเรียนกับครูเจ้าของภาษา ราคาถูกกว่าไปเรียนตัวต่อตัวที่โรงเรียนอย่างแน่นอนค่ะ

เรียนภาษาอังกฤษแบบออนไลน์

ช่วงนี้คนส่วนใหญ่ก็เริ่มหันมาชอบการเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ วีดีโอคอลเรียนกับครูต่างชาติ หรือเรียนบทเรียนที่ซื้อรายปี และดูวีดีโอไปควบคู่กัน

มีหลายเว็บไซต์มากเลยค่ะ ที่ทำแบบนั้น และเราไม่ต้องเสี่ยงให้เค้ามาที่บ้านเราด้วย

และเว็บคอร์สเรียนออนไลน์ส่วนใหญ่เค้าจะมีให้เราทดลองเรียน 7 วันฟรี หรือ 1 บทเรียนฟรี ก่อนตัดสินใจค่ะ

เพราะฉะนั้นเพื่อน ๆ สามารถเข้าไปตามหาคอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่ตัวเองชอบ เหมาะกับเวลา และเงินทุนของเราได้เลยค่ะ

ทุนเงินที่ต้องการ: ฟรี – แพง

ทุนเวลาที่ต้องการ: ไม่ต้องใช้เวลาเยอะในการเตรียมตัว สามารถหาคอร์สเรียนได้ใน Google เลย หรือว่าทางที่ดีที่สุดก็คือ

ดูคอร์สภาษาอังกฤษออนไลน์ที่เบญได้รวบรวมไว้แล้วค่ะ เพื่อน ๆ จะได้ไม่ต้องไปเสียเวลาลองผิดลองถูกกัน

สะดวกมาก ไม่ว่าเพื่อน ๆ จะเรียนที่ไหนก็เรียนได้ ร้านกาแฟ ห้องนอน หรือว่าตอนออกกำลังกาย ต่อให้ไม่มีเวลาจริ ๆ ก็เรียนได้จ้า

พร้อมแล้ว ไปเลือกอคร์สเรียนที่เพื่อน ๆ ชอบกันเลยดีกว่าจ้า!


วิธีที่ 5 เริ่มเรียนภาษาอังกฤษเลย ไม่ต้องรอชาติหน้า

ว้าว…ถ้าเพื่อน ๆ อ่านมาถึงวิธีที่ 5 หลังจากได้หยุดพิจารณาเกี่ยวกับวิธีอื่น ๆ ตามขั้นตอนไปแล้ว เพื่อน ๆ ก็สบายใจได้เลยนะคะ ว่าข้อนี้จะไม่ได้บอกให้เพื่อน ๆ คิดมากไปกว่านี้อีกแล้ว 555

สุดท้ายนี้แล้ว เพื่อน ๆ จะเริ่มเรียนภาษาอังกฤษให้ประสบความสำเร็จได้ นอกจากทฤษฎีที่เราได้ทำกันไป วิธีที่ 1-4 แล้ว เราก็ต้อง

LET'S DO IT!! ลงมือทำเลย!!

บางขั้นตอนอาจจะใช้เวลานานกว่าบางขั้นตอน เช่น ค้นหาว่าเราอยากเรียนทำไม และต้องเรียนอะไร อาจจะใช้เวลานานสำหรับเพื่อน ๆ บางคน

เริ่มเรียนภาษาอังกฤษ

บางทีการหาทุนเงิน หรือทุนเวลา ก็ต้องใช้เวลาคิดและหาวิธีทำ

แต่ไม่ว่าเพื่อน ๆ จะกำลังอยู่ในวิธีไหนก็ตาม ต่อให้ใช้เวลานานขนาดไหน ที่จะต้องเก็บเงินเพื่อนซื้อคอร์สเรียน ก็อย่าท้อนะคะ

เบญเชื่อจริง ๆ ว่า เมื่อเราเริ่มเรียนภาษาอังกฤษแล้ว และเรามุ่งมั่น ตั้งใจ

เราก็จะไม่เสียดายเวลาที่เราลงทุนไป เงินที่เราใช้เวลาเก็บออม และเราสามารถประสบความสำเร็จได้ค่ะ

สำหรับโพสต์นี้เบญขอเป็นกำลังใจให้เพื่อน ๆ ที่กำลังเริ่มคำที่อยากจะเริ่มเรียนภาษาอังกฤษ เพื่อพัฒนาชีวิตและความรู้ของเราไปอีกระดับนึง สู้ ๆ นะคะ

ถ้าเพื่อน ๆ มีวิธีอื่น ๆ ที่เพื่อน ๆ ได้ลองทำแล้ว ทำให้เพื่อน ๆ ได้ประสบความสำเร็จในการเรียนภาษาอังกฤษ มาแบ่งปันกันด้วยนะคะ

เราเป็นครอบครัวเดียวกัน และเรากำลังสู้เพื่อเป้าหมายเดียวกัน เพราะฉะนั้นมีอะไรสามารถคอมเม้นไว้ข้างล่างนี้ได้เลย

เบญและเพื่อน ๆ ที่ได้ผ่านจุดเริ่มนี้มาแล้ว จะช่วยเป็นที่ปรึกษาและเป็นกำลังใจให้เพื่อน ๆ ทุกคนแน่นอนค่ะ

Let's fight for fluency together!

เลือกการแจ้งเตือน *สำคัญมาก
แจ้งเตือน
guest

0 Comments
Inline Feedbacks
ดูคอมเม้นทั้งหมด

อยากเก่งภาษา แต่ไม่รู้ต้องเริ่มยังไง?

เบญมีแบบทดสอบ เพื่อช่วยหาคอร์สเรียนที่ดีที่สุด และเหมาะสมกับคุณมากที่สุด

โดยที่คุณไม่ต้องเสียเวลาไปนั่งหาเอง ราคาถูก สอนโดยเจ้าของภาษาแท้ ๆ และรับรองได้เลยว่าจะช่วยให้คุณเก่งภาษาในฝันของคุณได้ในชาตินี้อย่างแน่นอน