อยากเรียนภาษาอังกฤษต้องทำอะไรบ้าง [ทำตาม 5 วิธีนี้ รอดแน่]

By

การเริ่มเรียนภาษาอังกฤษไม่ใช่เรื่องยาก

แต่การเรียนภาษาอังกฤษยังไงให้ได้ผล และประสบความสำเร็จเป็นอีกเรื่องนึง

บางคนอาจจะบอกว่า ก็เรียนอ่านภาษาอังกฤษไปเลย เดี๋ยวอย่างอื่นก็ได้เอง

บางคนอาจจะบอกว่า เรียนพูดสิ อย่างน้อยฟังไม่ออก เขียนไม่ได้ อ่านไม่ได้ แต่พูดได้ก็พอแล้ว

หรือหลายคนรวมถึงหลายโรงเรียน อาจจะแนะนำว่าให้เรียนหลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษก่อน เราถึงจะเก่งอย่างอื่นได้

ส่วนตัวแล้ว เบญคิดว่าเราเรียนทุกอย่างตามระดับภาษาอังกฤษของเรา และเริ่มพัฒนาไปพร้อม ๆ กันได้

แต่เราต้องแน่ใจว่าเราจะเริ่มปูพื้นฐานภาษาอังกฤษของเราให้มั่นคงตั้งแต่ระดับง่าย ๆ เลย

เพราะมีหลายคนที่ไม่อยากเสียเวลาในการเรียนภาษาอังกฤษพื้นฐาน และก็กระโดดข้ามไปที่ระดับสูงเลย

มันก็ไม่ได้ผิดนะคะ แต่เบญแค่คิดว่าเราจะพลาดอะไรไปเยอะเลย และถ้าพื้นฐานเราไม่มั่นคง ไม่ดี เราก็อาจจะไปไม่ได้ไกลมาก และไม่ประสบความสำเร็จไปถึงในจุดที่เราอยากไปค่ะ

วันนี้เบญเลยรวบรวม 5 วิธี ที่จะช่วยให้คุณได้เริ่มเรียนภาษาอังกฤษอย่างมั่นคงได้เลยวันนี้

พร้อมมั้ยคะ ไปลุยกัน!

วิธีที่ 1 ตั้งคำถามนี้กับตัวเอง..

ก่อนที่คุณเริ่มบุกตรงเข้าไปที่โรงเรียนสอนภาษา และเสียเงินแพง ๆ

หรือเข้า Google และพยายามตามหาคอร์สภาษาอังกฤษออนไลน์ที่ดีที่สุด

เบญอยากให้คุณนั่งลง ตั้งสติ หายใจเข้าลึก ๆ หายใจออกยาว ๆ

และคิดดูว่า… ทำไมฉันถึงอยากเรียนภาษาอังกฤษ?

คำถามนี้ไม่ได้ถึงแรงบันดาลใจ หรือเรื่องลึกลับอะไร จิตใต้สำนึกลึก ๆ อะไรแบบนั้นนะคะ แต่หมายถึง..

อะไรคือเหตุผลที่ทำให้เราอยากเรียนภาษาอังกฤษในตอนนี้ เช่น

1. ฉันจะไปเที่ยวต่างประเทศเดือนหน้า แต่ยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย

2. ฉันอยากไปสอบเลื่อนขั้นที่ทำงาน แต่ไม่ค่อยรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษมากเท่าไหร่

3. ฉันมีเพื่อนต่างชาติที่คุยกันอยู่ แต่ปัจจุบันเราส่งแค่สติ๊กเกอร์กับอิโมจิ แต่งประโยคไม่เก่งเลย

และอีกมากมายค่ะ หรือเหตุผลหลักที่ทำให้คุณอยากเรียนภาษาอังกฤษ

ถ้าเรารู้เหตุผลหลักจริง ๆ ว่าเราอยากเริ่มเรียนภาษาอังกฤษเพราะอะไร เราก็จะดึงจุดโฟกัสไปที่สิ่งนั้นง่ายขึ้น

อย่างถ้าเราอยากไปเที่ยวต่างประเทศ แปลว่า เราอยากพัฒนาเรื่องการสื่อสารภาษาอังกฤษของเรา และเรียนประโยคเกี่ยวกับการท่องเที่ยว

เราก็อาจจะเลือกให้การฟังและการพูดภาษาอังกฤษอยู่บน Top list ของเรา เวลาเราเรียนภาษาอังกฤษ และเรื่องอื่น ๆ ตามมา

บทเรียนภาษาอังกฤษหลัก ๆ มีดังนี้ค่ะ

Grammar

คือ ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ เป็นโครงสร้าง ที่ช่วยบอกว่า ในหนึ่งประโยคภาษาอังกฤษนั้นควรมีอะไรบ้าง เช่น

คำนาม (Nouns), คำกริยา (Verbs), การใช้ a, an และ the นำหน้าคำต่าง ๆ หรือประโยคบอกเล่า ต้องใส่อะไรขึ้น ก่อนหลัง ประมาณนั้นค่ะ

Reading and Writing

การอ่าน และการเขียนภาษาอังกฤษ ส่วนหลัก ๆ เป็นการรู้จักการคำความเข้าใจในบทความ ประโยคภาษาอังกฤษ เช่น

การอ่านออกเสียงคำให้ถูกต้อง (Pronunciation), คำศัพท์ทั่วไป (Vocabulary) และการสะกดคำ (Spelling)

Speaking and Listening

การพูดภาษาอังกฤษ และการฟังภาษาอังกฤษ บทเเรียนนี้ฟังดูง่าย แค่พูด ๆ ฟัง ๆ เดี๋ยวก็เอง แต่เป็นบทเรียนนึงเลย ที่ต้องใช้เวลา และการฝึกฝนค่อนข้างมาก เช่น

การทำหูให้ชินกับสำเนียงภาษาอังกฤษ และเรียนรู้วัฒนธรรมอังกฤษ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราเองก็ต้องเรียนทุกอย่าง ไม่สามารถเลือกเรียนอย่างใดอย่างหนึ่งได้ค่ะ

เพราะถ้าเราเลือกเรียนแค่ พูดกับฟัง เราก็จะเป็นคนที่พูดมั่ว ๆ เพราะเราไม่รู้โครงสร้างประโยคจากการเรียนไวยากรณ์

หรือถ้าเราเลือกโฟกัสเรียนแค่ไวยากรณ์อย่างเดียว เราอาจจะเก่งเรื่องโครงสร้างประโยค

แต่พอมาถึงเวลาที่ต้องพูดภาษาอังกฤษจริง ๆ เรานึกไม่ออก เพราะไม่เคยได้ฝึกฝน หรือฟังคนที่เราคุยด้วยไม่รู้เรื่องเลย

เพราะฉะนั้นเบญขอแนะนำว่า ถ้าเกิดเรารู้แล้วว่าเหตุผลที่เราอยากเรียนภาษาอังกฤษคืออะไร

เราก็สามารถเริ่มวางแผนเลือกจัดอันดับสิ่งที่เราอยากเรียน หรืออยากทุ่มเวลาให้มากที่สุด เรียงลำดับกันลงไป

เพราะฉะนั้นอย่าลืมจดมันลงบนกระดาษด้วยว่า…

“เหตุผลที่คุณอยากเรียนภาษาอังกฤษคืออะไร และสิ่งที่ต้องพัฒนาเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายนั้นคือต้องเน้นเรื่องอะไร”

วิธีที่ 2 วัดระดับภาษาอังกฤษ

ถ้าเราไม่เคยรู้ระดับภาษาอังกฤษของเราเลย เราก็อาจจะงง ๆ อยู่ว่าเราต้องเริ่มเรียนภาษาอังกฤษจากระดับไหน

เพราะสำหรับบางคน อาจจะเคยเรียนมาแล้ว แต่ก็นานมาแล้วด้วย จริง ๆ แล้วเราอาจจะยังจำบทเรียนได้ และยังใช้เป็นอยู่ เราก็ไม่จำเป็นต้องกลับไปเรียนบทเรียนที่เรารู้อยู่แล้วค่ะ

1. วัดระดับไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ: มีหลายเว็บ และส่วนใหญ่เว็บออนไลน์ก็จะมีให้ทดสอบวัดระดับไวยากรณ์ภาษาอังกฤษของเราฟรีนะคะ

2. วัดระดับการอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษ: เราสังเกตุได้เองด้วยจากการอ่านข้อความสั้น ๆ และเราแปลเป็นภาษาไทยได้

หรือเข้าใจบทความนั้นได้มากขนาดไหน หรือทำแบบทดสอบออนไลน์ได้เลยค่ะ

3. วัดระดับการพูดและการฟังภาษาอังกฤษ: ปกติแล้วก็วัดได้จากการดูหนังภาษาอังกฤษ ลองไม่เปิดซัพไตเติ้ลภาษาไทยดูค่ะ ว่าเราจับประโยคได้มากแค่ไหน

หรือตาม Youtube ก็มีแบบทดสอบให้เราทำ เช่น เค้าจะให้คำถาม และเราตอบเค้า เช่น…

YouTube video

วิธีที่ 3 เริ่มคิดเรื่องการลงทุน

หลาย ๆ ครั้งในการลงทุนให้กับอะไร แม้กระทั่งเก็บเงินไปกินหมูกระทะ ก็แทบจะไม่มีอะไรรับประกันเลยว่า

วันนั้นเราจะกินคุ้มมั้ย หรือของกินที่นั่นจะอร่อยอย่างที่เค้าร่ำลือกันไว้หรือเปล่า

แต่ถ้าเราลงทุนกับการเรียนภาษาอังกฤษ เรารู้ว่าการลงทุนให้กับความรู้ เราไม่มีทางขาดทุนแน่นอน

ถ้าเราเลือกลงทุนให้ตรงกับสิ่งที่เราอยากได้ และลงทุนถูกที่

การเริ่มเรียนภาษาอังกฤษเองก็เป็นการเริ่มลงทุนอย่างหนึ่ง เช่นเดียวกัน

และทุกครั้งก่อนที่เราจะเริ่มลงทุนกับอะไร เราควรจะมีการวางแผน และจัดงบประมาณให้ถูกต้อง เช่น

เพราะฉะนั้นวันนี้เบญมีคำถาม 2 ข้อ เกี่ยวกับการลงทุนถ้าคุณอยากเรียนภาษาอังกฤษ ตามนี้เลย…

● ฉันมีทุนมากเท่าไหร่

อย่าลืมนะคะ ว่าทุนในที่นี้ เราพูดกับถึง ทรัพยากรทั้งหมด เช่น เวลา เงิน

ถ้าเราอยากเริ่มเรียนภาษาอังกฤษ และเรามีงานประจำที่เราทำอยู่แล้ว เรารู้เลยว่า…

เราคงเรียนภาษาอังกฤษตลอด 24 ชม. ไม่ได้ แม้กระทั่งเราอยากจะเก่งภาษาอังกฤษไวมากขนาดไหนก็ตาม

หรือเราอาจจะเพิ่งเรียนจบ และเพิ่งได้ทำงาน มีเงินเดือนแต่ไม่มาก เราเช่าห้องอยู่ ผ่อนมอเตอร์ไซค์ด้วย

และเราควรจะวางงบประมาณเงินที่เราลงทุนในการเรียนภาษาอังกฤษตามความเหมาะสม

จะได้ไม่ต้องกินมาม่าตอนสิ้นเดือนไปอีก 1 ปี

ดังนั้นลองนั่งเช็ครายรับรายจ่าย และตารางชีวิตของเราในแต่ละวันดู ว่าเรามีทุนให้กับการเรียนภาษาอังกฤษครั้งนี้ให้สำเร็จมากแค่ไหน

เบญเคยมีประสบการณ์ อยากเรียนดนตรี และก็ไม่ได้เช็คตารางเวลาตัวเอง ไม่ได้เช็คเงินในกระเป๋าตัวเอง และก็ดุ่ม ๆ ไปซื้อคอร์สโดยที่ไม่ได้วางแผนให้ดี

สุดท้ายแล้ว เสียเงินไป แต่เวลาเรียนดนตรี ไม่เข้ากันกับตารางชีวิตของเบญ เนื่องจากตอนนั้นเบญทำงานประจำ และก็แทบไม่มีเวลาว่างหายใจอยู่แล้ว

และเบญก็ยิ่งอยากทำงานหนักขึ้นเพราะต้องเอาเงินมาชดเชยค่าคอร์สที่ซื้อไป

สุดท้ายก็เสียเงินเปล่าค่ะ 😭

● ฉันอยากลงทุนมากเท่าไหร่

หลังจากที่เราได้ใช้เวลาสักแป๊บในการตอบคำถามอย่างเปิดอกเปิดใจกับตัวเอง ว่าสถานการณ์ปัจจุบันของฉันเป็นยังไง ทั้งเรื่องการเงิน และตารางชีวิต

บางคนอาจจะมีทุนเงิน แต่ไม่มีทุนเวลา หรือบางคนอาจจะมีทุนเวลา แต่ไม่มีทุนเงิน

แค่ต้องตัดสินใจว่า ฉันจะใช้เวลา อาทิตย์ละ 2 ชม. หรือวันละ 30 นาที เรียนภาษาอังกฤษ

และจะแบ่งเงิน 2,000 หรือ 5,000 หรือ 500 บาทต่อเดือน เอาไว้ซื้อคอร์สเรียนภาษาอังกฤษ

ไม่ว่าคุณจะแบ่งเวลา และเงินมากเท่าไหร่ให้การเรียนภาษาอังกฤษครั้งนี้

เบญเชื่อว่าจะมีคอร์สเรียนภาษาอังกฤษ หรือวิธีเรียนภาษาอังกฤษ ที่จะเหมาะกับทั้งเวลาที่คุณมี และเงินที่คุณพร้อมจะลงทุนแน่นอน

และเบญไม่ได้พูดปากเปล่านะคะ มาดูกันว่าคุณมีทางเลือกอะไรบ้าง ในวิธีที่ 4 เลย!

วิธีที่ 4 ตัดสินใจเลือกวิธีอยากเรียนภาษาอังกฤษ

หลังจากผ่านกระบวนการ นั่งคิด นอนคิด ทั้งเหตุผลที่อยากเรียน อยากเรียนอะไร อยู่ในระดับอะไร และมีทุนเท่าไหร่ไปแล้ว

คราวนี้มาถึงเวลาที่เราต้องตัดสินใจแล้วค่ะ ว่าเราอยากจะเรียนแบบไหน

วันนี้เบญแนะนำเป็นแบบออนไลน์ เพราะได้มีประสบการณ์กับตัวเอง ชอบมาก เลยอยากแนะนำต่อให้คุณ

ถ้าคุณยังไม่รู้ว่าเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ดียังไง บอกเลยว่า…

● สะดวก เรียนเมื่อไหร่ เรียนที่ไหนก็ได้

● ราคาไม่แพง บางคอร์สเลือกราคาได้เอง

● ได้เรียนกับครูเจ้าของภาษาจริง ๆ

● บทเรียนรับรองแล้วว่าช่วยให้เก่งภาษาอังกฤษได้แน่นอน

1. เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ผ่านวีดีโอคอล ตัวต่อตัว

iTalki เป็นเว็บที่รวบรวมครูฝรั่งให้คุณเลือกเรียนด้วยถึง 5,308 คน ไม่ว่าจะอยากพูดสำเนียงอะไรได้ รับรองได้เลยว่ามีครูให้เรียนด้วยแน่นอน

เบญให้การเรียนภาษาอังกฤษกับ iTalki เป็นที่หนึ่งในดวงใจ! ⭐

เพราะว่าคุณครูใจดี เราอยากเน้นเรื่องอะไรก็บอกครูได้เลย แถมยังได้ใช้ ฟัง พูด กับเจ้าของภาษาแท้ ๆ ทั้งบทเรียนเลยอีกด้วย

แอบกระซิบอีกด้วยว่า ต่อให้คุณพูดภาษาอังกฤษไม่เก่ง ก็เรียนภาษาอังกฤษกับครูฝรั่งได้นะ

เรียนภาษาอังกฤษที่ไหนก็ได้ iTalki

ราคา: ขึ้นอยู่กับครูแต่ละคน เริ่มต้นที่ 171.29 บาท

ระยะเวลาเรียน: 30, 45 และ 60 นาที

ลงทะเบียน: iTalki

เพิ่มเติม: รีวิวเรียนภาษาอังกฤษกับ iTalki

2. เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ผ่านวีดีโอคอล แบบกลุ่ม

Lingoda จะเปิดโลกการเรียนภาษาอังกฤษของคุณ ให้คุณได้เรียนกับครูเจ้าของภาษา แถมได้เจอกับเพื่อนใหม่จากทั่วโลก

คุณจะได้ใช้ภาษาอังกฤษเต็ม ๆ กับหัวข้อที่มีให้เลือกอย่างหลากหลาย ตามระดับภาษาอังกฤษของคุณ

จะบอกว่า มีให้ทดสอบระดับภาษาอังกฤษฟรีก่อนเข้าเรียนจริงด้วยนะ

Lingoda เรียนภาษาอังกฤษแบบกลุ่ม

ราคา: ทดลองเรียนฟรี 7 วัน และเริ่มต้นที่เดือนละ 2,106 บาท

ระยะเวลาเรียน: 60 นาที

ลงทะเบียน: Lingoda

เพิ่มเติม: รีวิวเรียนภาษาอังกฤษกับ Lingoda

3. เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่บ้าน

EnglishClass101 เป็นแพลตฟอร์มที่คุณจะเข้าไปเรียนภาษาอังกฤษเมื่อไหร่ก็ได้ เน้นไปที่คำศัพท์ และประโยคภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อย

ได้ฝึกฟัง และพูดตามสำเนียงเจ้าของภาษาแท้ ๆ

จะเป็นการเรียนผ่านการดูวีดีโอ และฟังเสียง audio

ถึงแม้ว่าจะต้องเข้าไปจัดตารางเรียนเอง แต่ถ้าคุณไม่อยากเรียนแบบหน้าต่อหน้า เริ่มด้วยการเรียนแบบนี้ก็ได้

EnglishClass101

ราคา: ทดลองเรียนแบบ Premium ฟรี อัพเกรด เริ่มต้นที่ เดือนละ 246 บาท

ระยะเวลาเรียน: จัดตารางเองได้ แนะนำ 30-60 นาที

ลงทะเบียน: EnglishClass101

เพิ่มเติม: รีวิวเรียนภาษาอังกฤษกับ EnglishClass101

4. เรียนภาษาอังกฤษกับแอพบนมือถือ

Mondly เป็นแอพเรียนภาษาอังกฤษที่ทุกคนควรมีติดมือถือ เพราะนอกจากจะได้เรียนคำศัพท์ และประโยคใหม่ ๆ แล้ว

ยังมีแบบฝึกหัดสนุก ๆ ให้ทำด้วย เช่น จับคู่ภาพกับคำศัพท์ และฝึกแชทสนทนากับ Ai

แต่ส่วนตัวแล้ว เบญแนะนำให้แอพนี้ เป็นแค่ตัวเสริมเท่านั้น หลังจากที่เลือกคอร์สเรียนหลักไปแล้ว

แอพเรียนภาษาอังกฤษ Mondly

ราคา: เริ่มต้นที่ 378.09 บาท/เดือน

ระยะเวลาเรียน: จัดเวลาเรียนเอง แนะนำ 10-20 นาที

ลงทะเบียน: Mondly

เพิ่มเติม: รีวิวเรียนภาษาอังกฤษกับ Mondly

และนี่คือ 4 คอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่เบญอยากแนะนำให้คุณ ได้ลองเปิดใจ

และรู้เลยว่า ไม่ว่าตารางเวลาของคุณยุ่งแค่ไหน หรือมีเงินน้อยแค่ไหน คอร์สข้างบนนี้ ก็จะช่วยได้แน่นอน

ถ้าไม่รู้จะเลือกอันไหน เบญแนะนำเป็นข้อ 1 หรือ 2 ค่ะ รับรองไม่ผิดหวัง ❤️

วิธีที่ 5 เริ่มเรียนภาษาอังกฤษเลยวันนี้

ว้าว…ถ้าอ่านมาถึงวิธีที่ 5 หลังจากได้หยุดพิจารณาเกี่ยวกับวิธีอื่น ๆ ตามขั้นตอนไปแล้ว

ก็สบายใจได้เลยนะคะ ว่าข้อนี้จะไม่ได้บอกให้คุณต้องคิดมากไปกว่านี้อีกแล้ว 555

สุดท้ายนี้แล้ว ถ้าคุณอยากจะเรียนภาษอาังกฤษให้ประสบความสำเร็จได้ นอกจากทฤษฎีที่เราได้ทำกันไป วิธีที่ 1-4 แล้ว

เราก็ต้อง… ลงมือทำเลย!

บางขั้นตอนอาจจะใช้เวลานานกว่าบางขั้นตอน เช่น ค้นหาว่าเราอยากเรียนทำไม และต้องเรียนอะไร อาจจะใช้เวลานานสำหรับบางคน

บางทีการหาทุนเงิน หรือทุนเวลา ก็ต้องใช้เวลาคิดและหาวิธีทำ

แต่ไม่ว่าคุณจะกำลังอยู่ในวิธีไหนก็ตาม ต่อให้ใช้เวลานานขนาดไหน ที่จะต้องเก็บเงินเพื่อนซื้อคอร์สเรียน ก็อย่าท้อนะคะ

เบญเชื่อจริง ๆ ว่า เมื่อเราเริ่มเรียนภาษาอังกฤษแล้ว และเรามุ่งมั่น ตั้งใจ

เราก็จะไม่เสียดายเวลาที่เราลงทุนไป เงินที่เราใช้เวลาเก็บออม และเราประสบความสำเร็จได้ค่ะ

เริ่มก้าวแรกโดยการเลือกคอร์สเรียนจากในข้อ 4 ที่คุณชอบมากที่สุด ลงทะเบียน จัดตารางเรียน และเริ่มเก่งภาษาอังกฤษได้เลยวันนี้!

อยากเรียนภาษาอังกฤษ? จัดไปเลยสิ 😎

เลือกการแจ้งเตือน *สำคัญมาก
แจ้งเตือน
guest

0 Comments
Inline Feedbacks
ดูคอมเม้นทั้งหมด

ปลดล็อค ความมั่นใจ ในภาษาอังกฤษของคุณด้วย Survival English Course เพิ่งเริ่มเรียน ก็เก่งได้

เรียนที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้

เรียนกับเจ้าของภาษา

บทเรียนวิดีโอสนุก เข้าใจง่าย

ถูกกว่าโรงเรียน 99%