
เพื่อน ๆ เคยรู้สึกมั้ยคะว่า ทำไมการเรียนภาษานั้นมัน…..เสียเงินเยอะมากมายเหลือเกิน
ซื้อคอร์สที่ดี ๆ ดัง ๆ มาตั้งหลายรอบแล้วก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้สักที
ยากเหลือเกิน… เรียนโน่น เรียนนี่ ไวยากรณ์ ฟัง อ่าน เขียน พูด แต่ก็ยังรู้สึกว่าพูดไม่ได้ฟังไม่ออก อ่านไม่คล่องเหมือนเดิม
เหนื่อยเหลือเกิน… รู้สึกท้อแท้ และคิดว่าชาตินี้ฉันคงพูดภาษาอื่นไม่ได้แล้วแหละ นอกจากภาษาบ้านเกิดตัวเอง
และสิ่งที่คนเรียนรู้สึกบ่อยมากที่สุดก็คือ ทำไมฉันเรียนมานานแสนหมื่นล้านปีแล้ว ยังไม่เก่งสักที
วันนี้เบญได้รวบรวมเคล็ดลับ 10 อย่าง ในการเรียนภาษาอังกฤษได้เร็วมากขึ้น
และบางทีตามโรงเรียนกวดวิชาอาจจะไม่อยากบอกเคล็ดลับเหล่านี้ให้เพื่อน ๆ ก็ได้ค่ะ เพราะว่าเค้ากลัวว่าจะไม่มีใครมาเรียนที่โรงเรียน
พร้อมมั้ยค๊า… เบญเชื่อจริง ๆ ว่าเทคนิคที่เบญกำลังจะบอกกับเพื่อน ๆ นี้ จะช่วยให้เพื่อน ๆ ไม่ต้องรู้สึกว่าตัวเองเป็นสล็อตในการเรียนภาษาอังกฤษ หรือภาษาอื่น ๆ อีกต่อไปค่ะ พร้อมแล้วลุยยยยย!
① ฝึกฝนบ่อย ๆ

การฝึกฝนเป็นหัวใจสำคัญอีกหนึ่งอย่างของการเก่งภาษาไว ๆ หรือแม้กระทั่งการเตรียมพร้อมสำหรับอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นกีฬา งาน
แต่การฝึกนั้นเอง เราก็ต้องมั่นใจว่าเราฝึกตรงจุด และตั้งเป้าหมายของเราไว้อย่างแน่นอน ไม่งั้นอาจจะเป็นการฝึกลม ๆ และไม่ได้ไปให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้
สุดท้ายเราก็ยังรู้สึกว่าย่ำอยู่กับที่และเสียเวลาไปเปล่า ๆ มีนักฟุตบอลคนหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า…
PEACTICE DOES NOT MAKE PERFECT. ONLY PERFECT PRACTICE MAKES PERFECT. การฝึกเฉย ๆ ไม่ได้ทำให้เก่งสมบูรณ์แบบ มีแค่การฝึกที่สมบูรณ์ต่างหากที่จะทำให้เราเก่งสมบูรณ์แบบ
บางทีที่เรารู้สึกว่าเราไม่เดินไปข้างหน้าเลย อาจจะเป็นเพราะเรากำลังฝึกเดินทุกวัน แต่เดินอยู่กับที่ก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นเราไม่ต้องกังวลค่ะ เรามาเริ่มฝึกฝนอย่างสมบูรณ์แบบไปด้วยกันโดยเริ่มจาก
➝ ฝึกฝนการตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน
คนที่ไม่มีเป้าหมายในชีวิตก็เหมือนคนหลับตาเดินค่ะ ไม่รู้ว่าไปไหน และอยากไปไหน เพราะฉะนั้นเราต้องมีเป้าหมายในการฝึกฝนของเรา เช่น
ฉันอยากจะพูดภาษาอังกฤษให้เก่งขึ้นใน 1 ปี เล่าเรื่องเป็นภาษาอังกฤษได้ ถาม-ตอบ ภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว เราก็เขียนไว้บนกระดาษแปะไว้ที่กำแพงหรือสมุดจดบันทึกของเราเลย
➝ ฝึกฝนการวัดและรู้จักเลเวลของเรา
ก่อนที่เราจะเก่งขึ้นได้ เราก็ต้องรู้ก่อนว่าเราอยู่ในระดับไหนในภาษาอังกฤษของเรา ไม่งั้นเราจะไม่มีวันรู้เลยว่าเราเก่งขึ้น หรืออยู่กับที่
มีเว็บไซต์ที่เราสามารถลองเข้าไปทำแบบทดสอบภาษาอังกฤษฟรีค่ะ ไปลองทำข้อสอบเหล่านั้น และอย่าลืมจดบันทึกไว้ด้วยนะคะ จะได้มีตัววัดว่าเราพัฒนาขึ้นจริงมั้ย
➝ ฝึกฝนให้ตรงจุด
เมื่อเรารู้แล้วว่า เราตั้งเป้าหมายอะไร และเลเวลของเราอยู่ตรงไหน ก็สามารถเริ่มฝึกฝนให้ตรงกับเป้าหมายของเราได้เลยค่ะ
เช่น ฉันอยากพูด ภาษาอังกฤษเก่งขึ้น เราก็ต้องเริ่มฝึกฝนประโยคสนทนาภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ฝึกแต่งประโยคเองเองเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ และเอาไปใช้จริง ๆ ค่ะ
และอีกตัวช่วยหนึ่งที่จะช่วยให้เพื่อน ๆ ฝึกฝนภาษาอังกฤษได้ทุกวันอย่างมีระบบระเบียบ และรู้ว่าตัวเองได้พัฒนาขึ้นจริงมั้ย
คือ…การลงเรียนคอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่เพื่อน ๆ ชอบค่ะ
② ใส่ใจวัฒนธรรมของภาษาที่เราสนใจ

การเรียนภาษาอื่นเป็นภาษาที่สองของเราเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ เลยค่ะ แต่สิ่งที่จะลืมไม่ได้เลยก็คือ ถ้าเราเรียนภาษาะไร เราควรต้องรู้ไม่มากก็น้อยเกี่ยวกับวัฒนธรรมของประเทศนั้น ๆ เพราะลองคิดดูนะคะ
ถ้าเปรียบเทียบกับภาษาไทย และวัฒนธรรมของคนไทย หรือสิ่งที่คนไทยชอบธรรม สิ่งเหล่านั้นก็ออกมาเป็นภาษา
หรือสิ่งที่เราจะพูดออกจากปากเป็นภาษาไทยนั้น ก็ต้องสอดคล้องกับวัฒนธรรมของประเทศไทยด้วย
เมื่อเราเริ่มศึกษาวัฒนธรรมของประเทศที่เราอยากเรียนภาษาของเค้า เราก็จะเริ่มเข้าใจไอเดียของการแต่งประโยคและคิดโครงสร้างประโยคเหมือนกันกับคนของประเทศนั้น ๆ
ทำให้เรารู้สึกว่าเราพูดภาษานั้นได้ชัดเจนและคล่องแคล่วเหมือนกับเจ้าของภาษาค่ะ
เช่น ภาษาไทยก็จะพูดว่า “สวัสดีค่ะ” และยกมือขึ้นไหว้ ของอังกฤษ ก็อาจจะ “Hello, Hi, Good morning.” ตามด้วยการจับมือ กอด หรือพูดเฉย ๆ
ถ้าเราไม่รู้วัฒนธรรมของเค้า เราก็อาจจะพูดไปว่า กึด มอรฺ นิ่ง ค่ะ” ตามด้วยการยกมือไหว้
และคนที่เราคุยด้วยถ้าเค้าไม่ได้อยู่ประเทศไทยมานาน เค้าก็จะงงเป็นไก่ตาแตกเลยค่ะ ว่าการยกมือไหว หรือคำว่าค่ะ ตอนท้ายประโยคหมายถึงอะไร
เพราะต่างประเทศ ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม การกระทำก็จะต่างกันค่ะ เพราะฉะนั้นให้เราศึกษาข้อมูลเรื่องวัฒนธรรมของภาษานั้น ควบคู่ไปกับการเรียนภาษานั้น ๆ ค่ะ
และอีกวิธีที่จะช่วยให้เราเรียนรู้วัฒนธรรมของประเทศนั้น ๆ ได้มากขึ้น รวมถึงฝึกฟังภาษาไปในตัวก็คือการดูหนังของประเทศนั้น ๆ ค่ะ แต่เราอาจจะเน้นคำเวลาเราหาหน่อย
เช่น British films, American movies หรือเรียนคอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่อธิบายเรื่องวัฒนธรรมของภาษาที่เราสนใจค่ะ
③ คิดบวก

เคยได้ยินมั้ยคะว่า “แค่คิดบวก ก็ไปได้ไกลเกินครึ่งแล้ว”
เพื่อน ๆ อาจะจไม่เคยได้ยินค่ะ เพราะนี่เป็นสิ่งที่เบญคิดขึ้นมากเอง 555 แต่ก็จริงนะคะ เราทุกคนต้องการแรงบันดาลใจ และกำลังใจในการที่เราจะทำอะไรสักอย่างให้สำเร็จ
เบญเชื่อจริง ๆ ว่าการคิดบวก หรือภาษาง่าย ๆ ก็คือ มองโลกในแง่ดี จะช่วยให้เราสามารถไปให้เป้าหมายของเราได้เร็วขึ้น
ครั้งแรกที่เบญเข้าไปในเรียนในโรงเรียนพระคัมภีร์อินเตอร์ อาทิตย์แรกของเบญนั้น เหมือนตัวเองอยู่ในดาวนอกโลก หรือนั่งอยู่ใน UFO ค่ะ
เพราะว่าเบญฟังอะไรไม่ออกเลย รู้ว่าอาจารย์กำลังพูดอะไรสักอย่าง แต่สมองของเราไม่ได้ประมวลผลแปลออกมาเป็นภาษาที่เราเข้าใจ

แต่เบญเองก็พยายามทำความเข้าใจกับมันว่า มันก็คงเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นกับทุกคนที่กำลังเริ่มเรียนภาษาที่ตัวเองไม่รู้จัก
มีเพื่อน ๆ บางคนที่มาจากประเทศที่ไม่พูดภาษาอังกฤษหรือประเทศไทย เค้าก็ยอมแพ้ หรือว่าเริ่มคิดแง่ลบกับภาษา
และถอดใจกลับบ้านไปง่าย ๆ เบญก็แอบคิดเสียดายแทนพวกเค้าเหมือนกัน
แต่เบญอยากเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่อยากเก่งภาษานะคะ และเบญเชื่อจริง ๆ ว่าเราทำได้ แต่การคิดบวกของเราก็ไม่ควรเป็นเพื่อนลอยอยู่ในโลกของยูนิคอร์น
แต่เคล็บลับในการเป็นนักสู้ที่คิดบวกของเบญก็คือ…..
ให้เราตัดสินใจตั้งแต่ตอนนี้เลยว่า ไม่ว่าเราจะมีอุปสรรคมากมายแค่ไหน หรือการเรียนภาษามันจะยากแค่ไหน เราจะไม่มีวันวิ่งหนี และยอมแพ้!
➃ จ่ายบ้างอะไรบ้าง

อย่างที่เพื่อน ๆ เคยได้ยินมาว่า… ไม่มีอะไรในโลนี้ที่ได้มาฟรี ๆ จริง ๆ เบญก็เห็นด้วยนะคะ แต่ประโยคไม่ได้พูดถึงแค่การจ่ายเงินเท่านั้นก่อนที่เราจะได้มา
มันพูดถึงเราต้องแลกอะไรบางอย่างที่มีค่าของเราไป เราถึงจะได้รับสิ่งที่มีค่ามา
ในการที่เราจะเก่งภาษาไว ๆ เบญขอแนะนำ 2 สิ่งที่เราควรจ่าย และลงทุนค่ะ
เงิน
มีเว็บไซต์ออนไลน์ที่มีคอร์สเรียนภาษาอังกฤษ เจ๋ง ๆ ที่จะช่วยให้เราเก่งภาษาได้ไวขึ้น เพราะคอร์สเรียนเหล่านี้เค้าจะรวบรวมสิ่งที่เราควรจะเรียนไว้ในคอร์สนั้นแล้ว
แต่เราก็ต้องดูหรือศึกษาคอร์สเรียนภาษานั้นอย่างระมัดระวังด้วย เพราะสมัยนี้ มีคอร์สเรียนขึ้นมามากมายเป็นดอกเห็ด บางคอร์สก็ดี และบางคอร์สก็เสียเงินเปล่า
เพราะฉะนั้นเราต้องดูให้ดีก่อนว่า เราสมควรจ่ายมั้ย
เช่น ดูรีวิวคอร์สเรียนของโรงเรียนหรือเว็บไซต์นั้น ๆ ว่ามีความน่าเชื่อถือมากเพียงใด ราคาเหมาะสมกับบทเรียนหรือไม่ และมีคนรู้จักมากน้อยแค่ไหน เป็นต้นค่ะ
เวลา
เวลาเป็นสิ่งที่มีค่ามาก ๆ สำหรับทุกคน เพราะว่าเราไม่สามารถซื้อเวลาที่ผ่านไปแล้วกลับมาได้ นาฬิกาไม่ย้อนคืนกลับ
แล้วเบญเองก็เชื่อจริง ๆ ว่า การที่เราจะเก่งภาษาไว ๆ เราก็ต้องจ่ายเวลาของเราให้กับมันเหมือนกัน
เราอาจจะต้องเก่งขึ้นเรื่องการทำตารางของชีวิต ให้มันเป็นระบบระเบียบมากขึ้น และเราจะได้ใช้เวลาของเราให้คุ้มค่ามากที่สุด
เพราะเมื่อเราลงคอร์สเรียนภาษา หรือตั้งใจที่จะหาความรู้เกี่ยวกับภาษาอังกฤษแล้วนั้น
เราก็ต้องจัดเวลาให้มันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเรา เราอาจจะต้องทิ้งการเที่ยวกลางคืนทุกวัน และให้เวลานั้นเป็นการอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ
หรือเราอาจจะต้องตื่นเช้ากว่าปกติ และเอาเวลานั้นไปเข้าคอร์สหรือเรียนภาษาอังกฤษเองออนไลน์
⑤ ออกเสียงให้ถูกต้อง

เบญสังเกตุว่าแรก ๆ เมื่อเราพยายามสื่อสาร สนทนาเป็นภาษาอังกฤษ แต่เบญก็รู้สึกเหมือนคู่สนทนาของเราไม่เข้าใจเรา
เบญก็เลยแอบสงสัยว่า ทำไมน๊า.. หรือเราพูดผิด หรือใช้คำไม่ถูกหรือเปล่าเค้าเลยไม่เข้าใจ
แต่จริง ๆ แล้ว หัวใจหลัก ๆ ที่เราต้องรู้ในการพูดภาษาอังกฤษก็คือ ตัวเริ่มและตัวจบของคำนั้น ๆ หรือ“การออกเสียง”
เช่น เราอยากจะพูดคำว่า หลอดไฟ ซึ่งภาษาอังกฤษ คือ light แต่เราไม่ออกเสียง ทึ ตอนท้าย และเราพูดแค่ว่า ไล้ ๆ คนฟังก็ต้องพยายามเดาเอาว่าเราพูดคำว่า light, like, life, lie
เพราะคำเหล่านี้ออกเสียงคล้ายกันหมดเลย เป็นสระ ไ ตามด้วย ล แต่ตัวสะกดตัวสุดท้ายที่ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้น ถ้าเราจะพูดคำว่า light ก็ต้องออกเสียงว่า ไลทฺ(ทึ)
ถ้าเราไม่ใส่ใจกับการออกเสียงตัวสุดท้ายให้ถูกต้อง เค้าก็จะไม่เข้าใจเราค่ะ ไม่ใช่ว่าเราใช้คำศัพท์ผิด หรือสำเนียงไม่ถูกนะ
และมันเป็นเรื่องที่เราฝึกได้ค่ะ ค่อย ๆ ฝึก ไปด้วยกันนะค๊า
⑥ สนุกไปกับมัน

พอคิดถึงการเรียนภาษาทุกคนอาจจะเห็นภาพห้องเรียน หนังสือเล่มหนา ๆ ปากกาแท่งใหญ่ ๆ ตัวหนังสือเยอะ ๆ แค่เห็นก็ไมเกรนขึ้นแล้วววว
แต่วันนี้เบญอยากให้เพื่อน ๆ มองการเรียนภาษาแตกต่างออกไปจากเดิมค่ะ เปลี่ยนมุมมองของเราเกี่ยวกับภาษา อย่าคิดว่ามันเป็นแค่อีกวิชาหนึ่งที่เราต้องเรียน เข้าใจยาก ปวดหัว
แต่ให้ลองวิธีการเรียนภาษาที่สนุกสนานมากขึ้น ท้าทายมากขึ้น ให้มันเป็นสิ่งนึงที่อยู่ในชีวิตประจำวันของเรา มองไปทางไหนก็เห็นคำศัพท์ภาษาอังกฤษขึ้นมา
เพื่อนๆ ของหากิจกรรมที่เพื่อน ๆ ชอบทำและมันช่วยพัฒนาภาษาอังกฤษไปในตัวอีกด้วย อย่างเช่น เมื่อก่อนเบญชอบเล่นเกมส์ The Sim เบญก็จะเปลี่ยนโหมดคำสั่งหรือตัวเลือกทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษหมดเลย
หรือเกมส์ออนไลน์ภาษาอังกฤษอื่น ๆ แม้กระทั่งตั้งค่าคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์เป็นโหมดภาษาอังกฤษ
หรือจากที่เมื่อก่อนชอบไปดูหนังที่โรงหนังเป็นภาคภาษาไทย ก็เปลี่ยนไปดูภาค soundtrack พยายามไม่ต้องอ่านคำแปลทั้งหมด แต่ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ก็อ่านเลยจ้า แต่ยังไงเราก็ยังฟังภาษาอังกฤษไปด้วย
แม้กระทั่งไปยิมค่ะเพื่อน ๆ ช่วงนี้เบญเพิ่งเริ่มไปออกกำลังกายที่ยิม และทุกครั้งที่เข้าคลาส เทรนเนอร์ก็จะสอนออกกำลังกาย
และแต่ละท่าหรือแต่ละอุปกรณ์เค้าเรียกเป็นภาษาอังกฤษทั้งนั้นเลยค่ะ เบญเองก็ได้เรียนคำศัพท์ใหม่ ๆ จากการไปยิมด้วยค่ะ
⑦ เน้นเรียนเพื่อสื่อสารให้เข้าใจ

ส่วนใหญ่บทเรียนของที่โรงเรียนที่พวกเราเรียนจบมา ก็จะเน้นไปทางการอ่าน เขียน แต่ไม่ค่อยเน้นการพูดฟัง และสื่อสารมากเท่าไหร่
เบญอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ เรียนการสนทนาภาษาอังกฤษมากกว่าการเรียนท่องจำแกรมม่าและเขียนคำศัพท์ให้เป๊ะ
เพราะว่าการพูดเป็นการใช้จริง และมันจะทำให้เราจำได้ และเรียนได้เร็วกว่าแค่เขียนในสมุดโน๊ตค่ะ
แม้กระทั่งเราอาจจะรู้สึกว่าเราไม่ได้มีพื้นฐานภาษาอังกฤษดีขนาดนั้น แต่การสื่อสาร และสนทนาไม่จำเป็นต้องใช้พื้นฐานการอ่านและการเขียนที่ดี
แต่ถ้าเราฝึกฝน อยู่ในสภาพแวดล้อมี่มีคนฟังและพูดภาษาอังกฤษบ้าง ก็จะช่วยให้เราพูดได้โดยอัตโนมัติ
และเมื่อเราเริ่มฟังออก และพูดได้ จับใจความได้ เราก็สามารถเรียนแกรมม่าและอย่างอื่นเสริมเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้เราสามารถเข้าใจในการสร้างประโยค
กฎของการสร้างประโยค เราจะได้พูดได้มากขึ้น ใช้ประโยคได้หลากหลายมากกว่าใช้ประโยคง่าย ๆ ตลอดเวลาค่ะ
⑧ สื่อการเรียนที่ดีและฟรีก็มีอยู่ในโลก
ความจริงก็คือ..ของฟรีไม่มีในโลก
และความจริงในความจริงก็คือ..ของฟรีก็มีในโลกจ้า
ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนมองหาคอร์สแล้ว มองหาคอร์สอีก และยังรู้สึกว่ามันแพงเกินไป หรือว่ารู้สึกว่าเสียดายเงินที่จะไปซื้อคอร์ส
หรือว่าเพื่อน ๆ คนไหนเพิ่งเรียนจบและยังไม่มีงานทำ ไม่มีเงินเดือน หรือน้อง ๆ คนไหนที่ยังเรียนอยู่และไม่มีรายได้เป็นของตัวเอง
Good News! วันนี้เบญมีข่าวดีมากบอกจ้าาาาาา
ของฟรี และดีมีในโลกค่ะ! เบญเองก็เป็นคนนึงที่เวลาจะเสียเงินให้กับอะไร จะดูรีวิวแล้ว ดูรีวิวอีก เปรียบเทียบกับเว็บโน้น เว็บนี้เป็นเดือน จนสุดท้ายก็ไม่ซื้อเพราะเสียดายเงิน
เพราะฉะนั้นวันนี้เบญจะมาแชร์บางไอเดียที่เบญได้เรียนภาษาอังกฤษจากที่นั่น ฟรี และดีมีอยู่จริงจ้า
➝ YouTube
เว็บโปรดของใครหลาย ๆ คน และเบญเชื่อว่า วัน ๆ นึงเราเองอยู่บนยูทูปไม่ต่ำกว่า 1 ชม. แน่นอน เพราะฉะนั้นถ้าเราเป็นสาวกเว็บนี้อยู่แล้ว
สามารถหาเพลงภาษาอังกฤษฟัง หรือวีดีโอเล่านิทาน สอนภาษาอังกฤษต่าง ๆ นา ๆ ถ้าระดับง่าย ๆ ที่เพิ่งเริ่มหัดฟังเบญแนะนำเป็นอันนี้เลยค่ะ
และวีดีโออื่น ๆ อย่าลืมกด Subscribe ไว้ด้วยนะคะ
➝ Free lessons & Worksheets
มีหลายเว็บไซส์ที่เค้ามีบทเรียนและใบงานให้เราลองทำเพื่อให้เราจำได้ และเข้าใจมากขึ้น เพื่อน ๆ อาจจะรู้สึกว่าเอ๊ะ มันเป็นเว็บไซต์สำหรับเด็กหรือเปล่า
แต่จริง ๆ ถ้าเราเรียนจากพื้นฐาน และเรียนจากคำศัพท์ที่มีรูปภาพประกอบก็จะช่วยให้เราจำได้เร็วขึ้นค่ะ เช่น Teachers Pay Teacher, Super Simple Learning, Fight For Fluency, หรือคอร์สเรียนฟรีต่าง ๆ
แหล่งเที่ยวเล่นเป็นอาหารตา และแห่งช็อปปิ้งของพวกเราทุกคนค่ะ เฟซบุ๊คเป็นอีกเว็บไซต์นึงที่พวกเราทุกคนเข้าไปบ่อยม๊ากกกมากกกกก (หรือไม่จริง)
และเฟสบุ๊คก็ยังเป้นอีกแหล่งนึงของการเรียนรู้แบบไม่เสียเงิน เพราะว่ามีเพื่อน ๆ ใจดีหลายคนที่มีประสบการณ์มากมายเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ และเค้าก็อยากแบ่งปันกับพวกเรา เช่น
⑨ เพื่อนกินหาง่าย เพื่อนเรียนหายาก

บางครั้งเราเดินไปคนเดียวอาจจะไปได้เร็วกว่า แต่ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่เราเดินหกล้ม เราจะต้องลุกขึ้นด้วยตัวของเราเอง และเมื่อเราลุกเองบ่อย ๆ บางครั้งเราท้อ และเราก็อาจจะไม่อยากลุกขึ้นอีกเลยก็ได้
เบญแนะนำให้เพื่อน ๆ หาใครสักคนนึงที่เป็นเพื่อนที่ช่วยเป็นที่ปรึกษา และดึงมือกันเวลาอีกคนขี้เกียจ อาจจะเป็นเพื่อนสนิทที่สนใจเรียนภาษาอังกฤษอยู่แล้ว หรือเพื่อนที่ไม่สนิท อาจจะเป็นเพื่อนที่เราเพิ่งไปเจอตอนที่เราไปลงคอร์สเรียนก็ได้
เราอาจจะไม่ต้องไปเรียนคอร์สที่เดียวกัน หรือไปเรียนด้วยกันทุกวัน แต่ถ้าเราได้ปรึกษาใครสักคนที่มีหัวใจเหมือนเรา อยากเก่งภาษาเหมือนเรา
เราก็สามารถช่วยกันผลักดันอีกคนนึงให้เก่งไปด้วยกันได้ แลกเปลี่ยนความรู้ที่ได้มา ถามว่าวันนี้ได้ไปเรียนมั้ย อย่าลืมตื่นไปเรียน หรืออย่าลืมอ่านโพสต์นี้นะ
แม้กระทั่งพูดภาษาอักกฤษด้วยกันสองคนก็ได้ เป็นการช่วยกันฝึกไป
ถ้าเพื่อน ๆ รู้สึกว่าหาใครไม่ได้จริง ๆ รอบตัวนั้น เบญสามารถเป็นเพื่อน และที่ปรึกษาที่ดีได้นะคะ
เพราะเบญเองก็ยังเรียนภาษาอังกฤษอยู่ทุกวัน และต้องการกำลังใจเหมือนกันค่า มาสู้ไปพร้อมกันจ้า
⑩ อย่ากลัวเลย

การเรียนภาษา อาจจะเป็นเรื่องที่ฟังดูแล้วซับซ้อน และน่ากลัวสำหรับเพื่อน ๆ บางคน แต่ถ้าเพื่อน ๆ อยากเก่งภาษา หรืออยากเก่งภาษาไว ๆ นั้น เพื่อน ๆ ต้องห้ามกลัวค่ะ
ในขณะที่เราเริ่มเรียนภาษา ความกลัวอาจจะเข้ามาเคาะประตูของเราและบอกว่า…
ฉันกลัวว่าจะทำไม่ได้ เพราะฉันไม่เก่งเหมือนคนอื่น
ฉันกลัวว่าฉันจะพูดไม่เก่ง ฟังไม่ออก
ฉันกลัวว่ามันจะแพงเกินไป
ฉันกลัวว่าฉันจะไม่มีเวลา
ฉันกลัวว่าฉันจะพูดผิดและอายคนทั้งโลก
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ เป็นแค่ คำโกหกและข้อแก้ตัว เท่านั้นค่ะ
ความกลัว ไม่ใช่เพื่อน แต่เป็นศัตรูของเรา อย่าไปกลัวมัน!
เพราะฉะนั้นเพื่อน ๆ ต้องเริ่มใหม่ ถ้าเกิดว่าเพื่อน ๆ อยากเก่งภาษาไว ๆ เบญมีคำแนะนำสำหรับสิ่งที่เพื่อน ๆ ควรทิ้งไปกับความกลัว และมันจะช่วยให้เพื่อน ๆ เก่งภาษาเร็วขึ้นค่ะ

➝ อย่ากลัวที่จะเริ่มต้น
แม้กระทั่งเราจะไม่มีพื้นฐานเรื่องภาษาเลยก็ตาม ทุก ๆ คนก็ต้องมีก้าวแรกสำหรับทุกสิ่งด้วยกันทั้งนั้น
➝ อย่ากลัวที่จะพูดผิด
เพราะคนที่ไม่เคยทำผิดคือคนที่ไม่เคยทำอะไรเลย แต่ให้เราเรียนรู้จากความผิดพลาดและเปลี่ยนมันเป็นบทเรียน
➝ อย่ากลัวว่าจะช้ากว่าคนอื่น
การประมวลผล การทำความเข้าใจในบางเรื่องของบางคนก็ต่างกันค่ะ ถ้าเรารู้จักตัวเองดี ก็อาจจะให้เวลากับตัวเองมากหน่อย ไม่มีอะไรเสียหายค่ะ เพราะอย่างน้อยเราก็ไม่ได้ย่ำอยู่กับที่
➝ อย่ากลัวว่าจะแก่เกินไป
ไม่มีใครที่แก่เกินเรียนค่ะ คนส่วนใหญ่ก็เริ่มมาสนใจเรื่องภาษาตอนที่ตัวเองอายุประมาณนึงแล้ว อายุเป็นเพียงแค่สายลมผ่านพัดไปจ้า
➝ อย่ากลัวว่าจะเรียนไปแล้วไม่ได้ใช้
สิ่งของไม่สามารถไปกับเราได้บางที่ แต่ความรู้จะไปกับเราทุกที่
ถ้าเพื่อน ๆ ฝันอยากไปเที่ยวต่างประเทศ หรือเดินทางรอบโลกเหมือนเบญ ภาษาเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราควรจะเรียน และเราสามารถนำมันไปกับเราทุกที่ได้
และมันจะช่วยให้เราเที่ยวอย่างสนุกมากขึ้น และได้ความรู้อื่น ๆ กลับมามากขึ้น
➝ อย่ากลัวว่าคนอื่นจะคิดยังไง
ถ้าเรามัวแต่แคร์คนอื่น เราก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลยแม้กระทั่งหายใจ
เพื่อน ๆ ถอดความขี้อายของตัวเองทิ้งได้เลยค่ะ ถ้าอยากเก่งภาษาไว ๆ ไม่ต้องแคร์คนอื่นว่าเค้าจะมองว่าเราดัดจริต หรือว่าขี้อวดที่เราพูดภาษาอังกฤษได้
เพราะในความจริงแล้ว คนอื่นเค้าไม่ได้สนใจชีวิตของเรามากขนาดนั้นหรอกค่ะ อาจจะมีหลายคนที่จับผิดเราเพื่อเอาไปเม้าส์แต่อย่าให้คนเหล่านั้นมีผลกระทบต่อชีวิตและความฝันของเราเด็ดขาด
“เลิกกลัว และเริ่มลงมือทำ”
ขจัดความกลัวของเราวันนี้ โดยการตามหาคอร์สเรียนภาษาในฝันของตัวเอง และเริ่มเก่งภาษาไปพร้อมกันเลยค่ะ
รวมคอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่ดีที่สุด ➝
รวมคอร์สเรียนภาษาญี่ปุ่นที่ดีที่สุด ➝