การเรียนภาษาอังกฤษ อาจจะเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น สนุก และในเวลาเดียวกัน อาจจะเป็นเรื่องที่น่าปวดหัว และรู้สึกไม่ได้ผล
ถ้าคุณไม่มีแผนการเรียน และไม่มีตารางเรียนภาษาอังกฤษเป็นของตัวเอง
ในฐานะคนที่เรียนภาษาอังกฤษมามากกว่า 10 ปี บอกได้เลยว่า การมีตารางเรียนนั้น สำคัญมาก
เพราะมันจะช่วยให้คุณรู้ว่าตัวเองต้องทำอะไรในวันนี้ และให้การเรียนภาษาอังกฤษเป็นสิ่งสำคัญในเวลาของเรา
ไม่งั้นเราอาจจะโดนดึงความสำคัญไปทำสิ่งอื่น ๆ ได้
วันนี้เบญเลยจะมาแบ่งปัน 5 ขั้นตอนการจัดตารางเรียนภาษาอังกฤษง่าย ๆ ด้วยตัวเอง
เบญแนะนำให้คุณทำตามในขณะที่ตัวเองอ่านอยู่ และเริ่มเก่งภาษาอังกฤษพร้อมกันวันนี้
ป.ล. แน่นอนค่ะ ตารางแต่ละคนจะต่างกันไป แต่คุณน่าจะรู้จักตัวเองดีที่สุด โพสต์นี้เป็นแค่ไกด์ไลน์เท่านั้นนะ เอาไปปรับเปลี่ยนเองได้เลย 😊
1. เลือกคอร์สเรียนภาษาอังกฤษหลัก
ก่อนอื่นเลย คุณต้องตัดสินใจว่าคุณอยากเรียนภาษาอังกฤษสำเนียงอะไร หลัก ๆ ก็จะมี อเมริกัน และบริติชค่ะ
ถึงแม้ว่าจะเป็นการเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง เบญก็ยังแนะนำให้คุณมีคอร์สหลัก ที่เอาไว้เรียน เพื่อที่จะบันทึกพัฒนาการของตัวเองได้
และก็แนะนำให้คุณเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ แทนที่จะต้องนั่งรถติด ๆ ไปเรียนที่โรงเรียน ราคาก็ถูกกว่าด้วยนะ
ที่เบญบอกให้เลือก 1 คอร์ส ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะเรียนกับคอร์สอื่นไม่ได้นะคะ แต่อยากให้มี 1 คอร์สที่เรียนแบบจริงจัง และสม่ำเสมอ ส่วนคอร์สอื่นเรียนเสริมได้จ้า
เข้าไปเลือกดู คอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่ดีที่สุด ที่เบญรวบรวมไว้ให้ได้
แต่ที่เบญแนะนำจริง ๆ ก็จะมี…
เรียนแบบตัวต่อตัวกับ iTalki
ถ้าคุณไม่เคยลองเรียนออนไลน์หน้าต่อหน้ากับครูฝรั่ง ต้องลองเลยนะคะ!!
จะบอกว่า ต่อให้คุณพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย ก็เรียนกับ iTalki ได้แน่นอน
มีเหตุผลอีกมากมายที่เบญชอบ และอยากแนะนำให้คุณได้ใช้คอร์สนี้ เป็นคอร์สหลักในการเรียนภาษาอังกฤษของคุณ
● เลือกครูได้เอง (มีให้เลือกมากกว่า 5,000 คน)
● ราคาไม่แพง ครูแต่ละคนราคาไม่เท่ากัน เลือกที่จ่ายไหวได้
● ครูเตรียมบทเรียนให้ ตามสิ่งที่เราอยากเน้น และระดับภาษาอังกฤษของเรา
● ถ้าลงเรียนยาว คุณครูจะเป็นคนบันทึกความคืบหน้าในการเรียนให้

อยากให้คุณไปลองเอง เพราะเค้ามีให้ลองเรียนแบบ 30 นาทีในราคาถูกด้วยนะ
หรือเข้าไปลงทะเบียนฟรี ดูหน้าครูแต่ละตัวด้วยตัวเองก่อนก็ได้
อ่านเพิ่มเติม: รีวิวเรียนภาษาอังกฤษกับ iTalki
เรียนด้วยตัวเองกับ EnglishClass101
ถ้าคุณรู้สึกว่า การเรียนภาษาอังกฤษแบบตัวต่อตัวไม่ใช่แนวจริง ๆ ก็ใช้คอร์สนี้เป็นหลักได้เลยค่ะ
เพราะเป็นการเรียนแบบที่คุณไม่ต้องเจอหน้ากับใคร แต่ว่าจะยังได้ฝึกฟัง พูด ภาษาอังกฤษตามเจ้าของภาษาเหมือนกัน
ลงทะเบียนกับ EnglishClass101 และคุณจะได้…
● เรียนภาษาอังกฤษจากหลากหลายหัวข้อ ที่เจอบ่อยในชีวิตประจำวัน
● ฝึกฟัง-พูดตาม คำศัพท์และประโยคภาษาอังกฤษที่แบ่งไว้เป็นท่อน ๆ
● อัพเกรดเป็น Premium Plus และคุณจะได้แชทคุยกับติวเตอร์แบบตัวต่อตัว

คุณอาจจะต้องทำงานหนักหน่อย เพราะต้องเลือกบทเรียนด้วยตัวเอง และพยายามเรียนด้วยตัวเอง
แต่ก็ไม่ยากจนเกินไป ถ้าคุณอยากเก่งภาษาอังกฤษจริง ๆ ค่ะ
อ่านเพิ่มเติม: รีวิวเรียนภาษาอังกฤษกับ EnglishClass101
2. หาวิธีจัดตารางเรียนที่ตัวเองชอบมากที่สุด
1. จดบนสมุด
ใครชอบความคลาสสิก ก็จัดวิธีนี้ได้เลยค่ะ หาสมุดสักเล่ม และตีตารางต่อวัน เขียนเวลา และวันให้เรียบร้อย
ส่วนตัวเบญไม่ค่อยชอบวิธีนี้ เพราะว่าเป็นคนลายมือไม่สวยมาก ๆ เขียนแล้วอ่านรายมือตัวเองไม่ออก อีกอย่างรู้สึกว่าถ้ามันเปียกน้ำ หรือว่าหาย ก็จะต้องทำใหม่ค่ะ
แต่ถ้าคุณชอบแบบนี้ ก็จัดเลย!
เบญจะถนัดเป็นแบบวิธีที่ 2 กับ 3 มากกว่า
2. พิมพ์บน Canva และปริ้นออกมา
ถ้าคุณได้รู้จัก Canva จะบอกได้เลยว่า เปิดโลกมาก ๆ เพราะว่าเค้ามีตารางที่ออกแบบมาให้เราแล้ว ให้เราเลือกใช้หลายแบบเลย
เลือกได้ด้วยว่าจะเป็นตารางรายวัน รายอาทิตย์ หรือรายเดือน

คุณก็เข้าไปพิมพ์ตารางเรียนภาษาอังกฤษของตัวเองได้ และก็จะดาวน์โหลดมาไว้บนมือถือ หรือบนโน๊ตบุ้ค ก็มีหลายไฟล์ให้เลือกโหลดค่ะ
บางครั้งเบญก็ปริ้นออกมา และก็แปะไว้ที่กำแพงโต๊ะทำงาน
3. บันทึกไว้บน Google calendar
อีกหนึ่งวิธีที่เบญอยากจะแนะนำ และก็ใช้บ่อยมาก ๆ คุณอาจจะคุ้นอยู่แล้ว ก็คือใช้ Google calendar ค่ะ
ที่มีให้เลือกทั้งบนโน๊ตบุ้ค และก็บนมือถือ แค่คุณเชื่อมทั้งหมดบนอีเมลล์เดียวกัน ทุกข้อมูลก็จะส่งถึงกันได้เลย
เบญชอบใช้อันนี้ เพราะรู้สึกว่าปกติก็บันทึกสิ่งอื่น ๆ ที่ทำจะไว้บนนี้อยู่แล้ว เช่น ต้องเจอกับใคร จ่ายค่าเช่า ค่าไฟ หรือว่าวันเกิดใคร
ทำให้เรารู้ล่วงหน้าว่าเราจะต้องทำอะไรวันนี้ จะได้ไม่วางแผนซ้อนกันค่ะ

อีกความประทับใจนึงในการทำตารางเรียนภาษาอังกฤษบน Google calendar ก็คือว่า..
คุณเลือกให้มันเตือนล่วงหน้าได้ ไม่ว่าจะเป็นหลายอาทิตย์ก่อน หรือ 10 นาทีก่อน
ทำให้เรามีเวลาเตรียมตัว โดยที่จะมีข้อความเตือนบนโทรศัพท์ และบนโน๊ตบุ๊คค่ะ
ใครยังไม่เคยลองใช้วิธีนี้ในการทำตารางเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง ก็ลองดูน๊า
3. นึกถึงกิจกรรมเสริมที่ชอบทำ
● ดูหนังภาษาอังกฤษบน Netflix
เชื่อว่าการดูหนัง ก็เป็นสิ่งที่ใครหลาย ๆ คนทำอยู่เสมอเวลามีเวลาว่าง
เวลาที่เรากำลังเรียนภาษาอังกฤษ เราเองก็ฝึกภาษาไปในตัว ในขณะที่เรามีเวลาว่างได้เหมือนกัน
แค่ต้องเลือกหนังที่เป็นภาษาอังกฤษ และเบญแนะนำให้เปิดซัพภาษาอังกฤษเพิ่มไปด้วย เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าเค้าออกเสียงคำศัพท์นั้นยังไง
และแนะนำให้ดูเป็นหนังง่าย ๆ ก่อน เช่น การ์ตูน หรือว่าหนังวัยรุ่น ที่คำศัพท์ไม่ต้องยากมาก และค่อยเพิ่มระดับความยากไปเรื่อย ๆ
● ฝึกคำศัพท์ภาษาอังกฤษเพิ่มบนมือถือ
ร้อยทั้งร้อย ทุกคนตอนนี้ก็มือถือ และใช้เวลาอยู่บนมือถือเยอะมากในแต่ละวัน
เบญเลยอยากมาแนะนำให้คุณโหลดแอพภาษาอังกฤษที่ชอบไว้ เอาไว้ฝึกภาษาอังกฤษเล่น ๆ ตอนที่มีเวลา เช่น เข้าห้องน้ำ พักเบรค นั่งรอรถ
แอพที่เบญชอบที่สุด ก็คือ Mondly เป็นแอพที่สนุกมาก ๆ มีคำศัพท์ และรูปให้จับคู่ หรือจะเติมคำในประโยคให้ถูกต้องก็มี ฝึกแชทกับบอทก็ได้ด้วยนะ
รับรองว่า ไม่น่าเบื่อ แถมได้คำศัพท์ภาษาอังกฤษเพิ่มเติมแบบไม่รู้ตัวเลย

● เล่นเกมภาษาอังกฤษกับเพื่อน
ไม่ว่าคุณจะอยู่บ้านกับน้อง พี่ หรือเพื่อน ก็หาเกมภาษาอังกฤษมาเล่นด้วยกันได้เลย
แต่กฎก็คือ ทุกคนต้องพูดภาษาอังกฤษตอนเล่นเกม ซึ่งเบญลองบ่อย และมันไม่ยากเลยค่ะ เพราะเกมส่วนใหญ่จะใช้เป็นแค่ตัวเลขภาษาอังกฤษ และสีภาษาอังกฤษ
เกมที่เบญและเพื่อน ๆ เล่นกันบ่อย ๆ ก็จะมี Uno, Bingo และก็ What am I?
แรก ๆ จะงง ๆ อาย ๆ หน่อย เพราะไม่กล้าพูด แต่เล่นไปเล่นมา จะบอกว่าสนุกมาก และได้ใช้ภาษาอังกฤษเต็ม ๆ เลยค่ะ
● ฟังพอดแคสต์ภาษาอังกฤษ
วิธีที่จะช่วยให้คุณชินกับสำเนียงภาษาอังกฤษ และเริ่มฟังออกมากขึ้นก็คือการฟังบ่อย ๆ
ฟังเพลงภาษาอังกฤษก็ช่วยนะ แต่อีกหนึ่งวิธีก็คือการฟังพอดแคสต์ภาษาอังกฤษ
ที่จะช่วยให้คุณฝึกทำความเข้าใจเรื่องราวภาษาอังกฤษ และประโยคภาษาอังกฤษมากขึ้น
แต่ไม่ต้องห่วงว่าฟังแล้วจะไม่เข้าใจ 100% เพราะว่ามันควรจะเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ถ้าคุณเข้าใจทั้งหมด ก็คงไม่ต้องเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มแล้วใช่มั้ยคะ
● ดูวีดีโอภาษาอังกฤษบน YouTube
คุณอาจจะชอบดูวีดีโอทำอาหาร เล่นเกม ท่องเที่ยว หรือดูได้ทุกอย่าง เบญเองแนะนำให้เลือกดูเป็นภาษาอังกฤษ หรือเลือกช่องที่เค้าใช้ภาษาอังกฤษ
เพราะนอกจากที่เราจะดูเพื่อเอาความสนุกแล้ว เราเองก็จะได้ฝึกภาษาเพิ่มไปด้วย
อย่าลืมเข้ามาติดตาม และฝึกภาษาอังกฤษไปด้วยกันที่ช่อง Fight For Fluency ด้วยนะคะ ❤️
นี่คือกิจกรรมยามว่างที่เบญพอจะนึกออก ถ้าคุณมีกิจกรรมไหนอีกที่ชอบทำ และช่วยฝึกภาษาอังกฤษด้วย
คอมเม้นแนะนำกันไว้ใต้โพสต์ข้างล่างนี้ได้เลยนะคะ
4. เอาภาษาอังกฤษไปฝึกใช้จริง
ข้อนี้คือขาดไม่ได้เลยจริง ๆ
เพราะต่อให้คุณเรียนมากขนาดไหน จ่ายเงินค่าคอร์สแพงขนาดไหน ถ้าไม่เอาไปใช้จริง ก็ลืมแน่นอนค่ะ
การเอาไปใช้จริงจะช่วยให้คุณมีความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษมากยิ่งขึ้น และทำให้คุณคิดตอบโต้เร็วขึ้นด้วยนะ
ส่วนตัวแล้ว เบญมี 2 ที่ ที่จะเอาภาษาอังกฤษของตัวเองไปใช้ค่ะ
ที่แรกก็คือ Lingoda เป็นการฝึกใช้ภาษาอังกฤษแบบกลุ่ม กับครูฝรั่ง และเพื่อนต่างชาติที่เราไม่เคยเจอกับเค้ามาก่อน
ตอนที่เบญได้เข้าไปทดลองเรียนด้วยตัวเอง ก็เจอเพื่อนใหม่จากหลายประเทศเลย อย่าง จีน รัสเซีย อียิป และก็ญี่ปุ่นค่ะ
จะบอกว่ามันสนุกมาก และทำให้เราได้ใช้ภาษาอังกฤษเยอะมากจริง ๆ ทั้งชั่วโมง
โดยที่จะมีหัวข้อต่าง ๆ ให้เราได้เลือกเข้าไปเรียนด้วย ให้ได้คุย แลกเปลี่ยน และพูดถึงความคิดเห็นของตัวเอง

ขอแอบกระซิบว่า เค้ามีให้ทดลองเรียนฟรี 7 วันด้วยน๊า!!
หรือถ้าคุณอยู่แถวกรุงเทพเหมือนเบญ และอยากออกจากบ้านบ้าง
ก็เข้าไปใน Meetup และหากลุ่มที่เค้าไปร้านกาแฟ แลกเปลี่ยนภาษากันได้เลยค่ะ
จริง ๆ เคยเห็นแบบออนไลน์ก็มีนะ ถ้าคุณไม่ได้อยู่ในที่ ๆ มีคนรวมกลุ่มกัน
กลุ่มแบบนี้ส่วนใหญ่จะไม่มีค่าใช้จ่าย นอกจากค่ารถ หรือค่ากาแฟ (ถ้าไปร้านกาแฟ)
จะทำให้คุณได้เจอเพื่อนใหม่ ๆ ฝึกใช้ภาษาอังกฤษ และก็ได้เข้าสังคมที่มีคนเรียนภาษาเหมือนกับเรา สนุกไปอีกแบบนะคะ

หรือคุณอาจจะมีเพื่อนฝรั่งอยู่แล้ว ที่คุณจะได้ใช้ภาษาอังกฤษด้วยได้ ก็ใช้วิธีนั้นได้เลยค่ะ
แต่ถ้าไม่ค่อยมีคนคบเหมือนเบญ 🤭 ก็เลือก 2 วิธีข้างบนนี้ได้เลยจ้า
5. จัดตารางเรียนภาษาอังกฤษที่ทำได้จริง
หลังจากที่เลือกในขั้นตอนที่ 1-4 ไปแล้ว นี่คือขั้นตอนสุดท้าย ก็คือการจัดตารางเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวคุณเอง!
ก่อนอื่นเลย ก็ดูว่า ช่วงเวลาไหนที่คุณคิดว่า เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่คุณอยากจะเรียนภาษาอังกฤษ และทำกิจกรรมฝึกภาษาอังกฤษอื่น ๆ
เคล็บลับของคนที่เคยเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองมาแล้ว อยากจะบอกว่า…
จัดตารางเรียนภาษาอังกฤษที่คุณทำได้จริง ไม่ต้องอัดแน่นเกินไป จนทำให้รู้สึกว่าคุณทำอย่างอื่นไม่ได้เลย ให้เป็นตารางที่ใช้ได้จริงมากที่สุด
และไม่ต้องเรียนต่อวันนาน ๆ แต่ให้เรียนบ่อย ๆ และสม่ำเสมอค่ะ
เช่น อาจจะเรียนกับ iTalki อาทิตย์ละ 2 ครั้ง และวันที่เหลือ ก็แค่ดูหนังภาษาอังกฤษ หรือเอาบทเรียนที่เรียนแล้วมาทบทวน และหาเวลาใช้ภาษาอังกฤษแบบในข้อ 4
อย่าลืมหาวันหยุดให้ตัวเอง และให้รางวัลตัวเองเมื่อเราทำได้ตามเป้าหมายด้วย 🎉
จากใจคนเรียนภาษาอังกฤษมาหลายปี บอกเลยว่าจะมีวันที่เราเหนื่อย วันที่เราต้องทำอย่างอื่น วันที่เราท้อ
แต่ถ้าเราจดบันทึก หรือถ่ายวีดีโอ ในทุก ๆ ความก้าวหน้าในการเรียนภาษาอังกฤษของเรา
จะทำให้เราเห็นว่า จากวันแรกถึงวันนี้ เราเองก็มาไกลเหมือนกันนะ
การเรียนภาษาอังกฤษใช้เวลา และแต่ละคนก็จะใช้เวลาไม่เท่ากัน แต่รับรองได้เลยว่า ถ้าคุณตั้งใจจริง ๆ จัดตารางเรียน และทำตามอย่างสม่ำเสมอ
คุณเองก็จะเก่งภาษาอังกฤษได้อย่างแน่นอน 😊
ตัวอย่างตารางเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง
ตอนนี้เบญจะลองยกตัวอย่างการจัดตารางเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองของเบญให้ดูกัน คุณจะได้เข้าใจมากขึ้นว่า 5 Steps ข้างบนนี้ ใช้ยังไงได้บ้าง
เริ่มกันที่ว่า เบญมีเวลาว่างสำหรับการเรียนภาษาอังกฤษวันละ 1 ชั่วโมง จันทร์-ศุกร์
Step 1: เบญเลือกเรียนกับ iTalki 2 ชั่วโมง ต่ออาทิตย์ (สำเนียงอเมริกัน)
Step 2: เบญจะทำตารางเรียนภาษาอังกฤษบน Google calendar
Step 3: เบญเลือก ดูหนัง ดู YouTube และฝึกคำศัพท์บน Mondly
จริง ๆ Step 3 ไม่ต้องใส่ในตารางเรียนก็ได้ แค่ให้เราจำได้ก็พอ แต่เบญชอบใส่ เพราะรู้สึกว่าถ้าไม่ใส่ก็จะไม่ได้ทำค่ะ
Step 4: เบญเลือกใช้ภาษาอังกฤษ เดือนละครั้งบน Lingoda และหากลุ่มที่ Meetup เข้าเดือนละ 1 ครั้ง
หน้าตาของตารางเรียนภาษาอังกฤษของเบญใน 2 อาทิตย์ ก็จะเป็นแบบนี้ค่ะ

ถ้าคลิกไปที่แต่ละสิ่งที่ต้องทำ ก็จะมีช่องให้ใส่รายละเอียดเพิ่มเติมด้วยนะคะ คุณก็บันทึกความคืบหน้า หรือสิ่งที่ตัวเองเรียนในนั้นได้เลย
หวังว่าโพสต์นี้จะช่วยให้คุณเข้าใจวิธีการจัดตารางเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองมากขึ้น
และอยากให้คุณได้ลองจัดตารางให้ตัวเองวันนี้เลย และเริ่มเรียนภาษาอังกฤษวันพรุ่งนี้
เพราะยิ่งเราเริ่มเรียนภาษาอังกฤษเร็วเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งเก่งภาษาอังกฤษเร็วเท่านั้น
มีคำถามอะไรเรื่องจัดตารางเรียนภาษาอังกฤษ ก็คอมเม้นถามมาได้เลยนะคะ ถ้าเบญรู้จะตอบให้อย่างแน่นอน