ไม่ว่าคุณจะไปเที่ยวลอนดอน ดู Big Ben… 💂🏼♂️
หรือไปทำงานที่นิวยอร์ก 🗽
หรือไปเรียนต่อที่ออสเตรเลีย 🦘
แน่นอนว่าคุณคงจะตื่นเต้น แต่ก็รู้สึกกลัวด้วยในเวลาเดียวกัน
“ถ้าฉันไปที่ต่างประเทศแล้วฟังไม่เข้าใจ หรือคนอื่นไม่เข้าใจสิ่งที่ฉันพูดจะเป็นยังไง” 😢
แต่ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ เบญจะช่วยคุณเอง!!
เหมือนกับนักวิ่งมาราธอน ที่ต้องฝึก และเตรียมตัวก่อนวันวิ่งจริง เพื่อที่จะแน่ใจว่าเค้าจะวิ่งไปถึงเส้นชัย
ทำตาม 7 ขั้นตอนข้าล่างนี้ และเชื่อว่าภาษาอังกฤษของคุณจะพร้อมที่จะไปต่างประเทศแน่นอนค่ะ 🎯
1. เลือกสำเนียงภาษาอังกฤษที่อยากเรียน
แน่นอน ก่อนที่คุณจะเริ่มเรียนภาษาอังกฤษ คุณเองต้องรู้ว่าคุณจะไปที่ประเทศอะไร และที่นั่นเค้าใช้สำเนียงอะไรเป็นหลักกัน เช่น
ยิ่งถ้าคุณรู้เมืองก็จะยิ่งดีเลยค่ะ เพราะแต่ละเมืองของเค้า บางทีก็มีสำเนียงต่างกันไปอีก
จริงอยู่ที่หลายประเทศใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักอยู่แล้ว แต่หลายประเทศก็จะมีสำเนียง คำศัพท์ การออกเสียง และวัฒนธรรมต่างกัน
มันก็เลยดีมาก ๆ ที่คุณจะรู้ว่าคุณจะไปเรียนที่ไหน จะได้ฝึกฟังสำเนียง เรียนรู้คำศัพท์ และฝึกใช้ประโยคให้ถูกตามวัฒนธรรม
ซึ่งนั่นก็จะจำคุณไปต่อในข้อต่อ ๆ ไปค่ะ
เพราะฉะนั้น เลือกสำเนียงที่คุณต้องการ และก็ไปต่อข้อ 2 กันเล้ย~
2. เรียนกับครูเจ้าของภาษาตัวต่อตัว
iTalki เป็นเว็บเรียนภาษาโปรดของเบญ เพราะมีครูจากทั่วโลกให้เลือกเรียนด้วย ได้เรียนแบบต่อตัวออนไลน์ผ่านวีดีโอคอล แถมราคาก็จับต้องได้
มีครูให้เราเลือกเรียนด้วยกว่า 5,384 คน!! 🤯
(ถ้าไม่อยากไปเลือกดูเองทั้งหมด ดูลิสต์ 10 ครูสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ที่ดีที่สุด ที่เบญเลือกให้แล้วก็ได้)
บอกเลยว่าสนุก และไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด คุณครูก็ใจดี และเข้าใจนักเรียนมาก ๆ

เบญได้เข้าไปเรียนกับ iTalki ด้วยตัวเอง เปิดโลกจริง ๆ และชอบมาก ๆ
ใครที่ยังไม่เคยลองเรียนกับครูฝรั่ง ก็ต้องห้ามพลาดเลย!!
นอกจากที่มีครูให้เลือกเยอะแล้ว เรียนภาษาอังกฤษกับครูเจ้าของภาษาบน iTalki ยังมีข้อดีอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น…
(1.) เรียนที่ไหน และเมื่อไหร่ก็ได้: เพราะการเรียนออนไลน์ ทำให้คุณประหยัดค่ารถ และไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนของประเทศ ก็เรียนได้ ตามตารางเวลาว่างของคุณเองด้วยนะ
(2.) ออกเสียง และพูดด้วยสำเนียงที่ถูกต้อง: คุณจะได้ฝึกพูดตาม และฝึกฟังสำเนียงเจ้าของภาษาแท้ ๆ เวลาไปถึงประเทศนั้น ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะฟังไม่เข้าใจเลย
และคุณครูก็จะช่วยแก้แกรมม่า และคำที่เราออกเสียงผิดให้ด้วย รับรองเลยว่า พูดได้ชัดเป๊ะแน่นอน!
(3.) รู้จักกับวัฒนธรรม: การได้เรียนกับครูจากประเทศที่เราจะต้องไปเรียนต่อ เราจะรู้จักกับวัฒนธรรม และนิสัยบางอย่างของคนที่นั่นจากครูมาไม่น้อยเลย
อย่าลืมบอกให้ครูช่วยอธิบายมารยาทของเมืองนั้น สิ่งที่ควรทำ ไม่ควรทำ หรือว่าคำศัพท์สแลง และสำนวนอะไรที่คนที่นั้นใช้บ่อยด้วยน๊า
(4.) บทเรียนทำขึ้นสำหรับคุณโดยเฉพาะ: ครูที่ iTalki จะจัดบทเรียนตามระดับภาษาอังกฤษของคุณ และสิ่งที่คุณอยากจะเน้น ทำให้คุณพัฒนาเร็วขึ้น และตรงจุดมากขึ้น
(5.) ฝึกใช้ภาษาอังกฤษจริง: ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้ไปที่นั่นจริง ๆ แต่การเรียนกับคนที่มาจากประเทศนั้น จะช่วยทำให้คุณรู้สึกมั่นใจมากขึ้น และประหม่าน้อยลง
ดูแค่นี้ก็รู้แล้วว่า เว็บนี้จะช่วยให้คุณเก่งภาษาอังกฤษอย่างที่ฝันไว้แน่นอน
แต่ถ้าอยากให้ฝันเป็นจริง ก็เริ่มก้าวแรกด้วยกัน โดยการ.. เข้าไปลงทะเบียนฟรีเลย!
รับรองว่าในอนาคตข้างหน้าคุณจะกลับมาขอบคุณตัวเองแน่นอน 😊
3. ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันให้ได้มากที่สุด
ก่อนที่จะได้ไปอยู่ต่างประเทศที่ทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษ และเจอกับภาษาอังกฤษทั้งวัน
คุณเองก็ต้องเตรียมตัว และลองให้ตัวเองได้ใช้ชีวิตที่มีภาษาอังกฤษเยอะ ๆ ก่อน
พยายามล้อมรอบตัวเองด้วยภาษาอังกฤษให้ได้มากเท่าที่จะทำได้ เพราะจะช่วยให้คุณเริ่มจำคำศัพท์ได้ และชินกับการใช้ภาษาอังกฤษ
และก็มีหลากหลายวิธีเลยค่ะ ที่คุณทำได้ ถ้าคิดไม่ออก นี่คือไอเดียใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ที่เบญเอามาฝากัน
ลองเอาไปทำดูนะ
● ใช้ภาษาอังกฤษกับตัวเอง
ถ้าคุณเป็นคนนั้น ที่ยังรู้สึกไม่มั่นใจที่จะไปใช้ภาษาอังกฤษกับคนอื่น เริ่มจากใช้ภาษาอังกฤษกับตัวเองก่อนเลยค่ะ
เบญเชื่อว่าคุณเองก็ต้องเคยคุยกับตัวเองมาก่อน เพราะฉะนั้นลองคุยกับตัวเองเป็นภาษาอังกฤษดู ผิด ๆ ถูก ๆ ช่างมัน ขอแค่ได้ใช้ไว้ก่อน
เช่น แปลคำศัพท์ไว้ที่สิ่งของในบ้าน ทำ To-do-list เป็นภาษาอังกฤษ หรือจะด่าตัวเองเป็นภาษาอังกฤษก็ยังได้ค่ะ 😂😂
เมื่อคุณเริ่มใช้ภาษาอังกฤษกับตัวเอง คุณจะเริ่มเห็นเลยว่าตัวเองคิดเป็นภาษาอังกฤษมากขึ้น และพูดออกมาได้คล่องมากขึ้น
● ดูหนังภาษาอังกฤษ
คงไม่มีใครไม่ชอบดูหนังใช่มั้ยคะ?
แค่ดูหนัง และฟังเป็นภาษาอังกฤษ เปิดซัพภาษาอังกฤษไปด้วยยิ่งดี ก็จะช่วยพัฒนาการฟังภาษาอังกฤษของคุณได้อย่างน่าเหลือเชื่อเลย
แถมได้เรียนรู้วัฒนธรรมของเค้าไปด้วยอีกนะ
● ตั้งค่าเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นภาษาอังกฤษ
ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ โน๊ตบุ๊ค ทีวี หรือหม้อหุงข้าว ที่คุณใช้และเห็นอยู่ประจำ
ลองเปลี่ยนให้เป็นภาษาอังกฤษดูค่ะ แรก ๆ อาจะงงนิดหน่อย แต่ว่าคุณจะได้เห็นเลยว่าคุณจะได้รู้จักคำศัพท์ใหม่ ๆ เพิ่มแน่นอน
อีกอย่างเวลาไปอยู่ต่างประเทศ ของใช้เค้าก็จะเป็นภาษาอังกฤษอยู่แล้ว เรียนรู้ไว้แต่ตอนนี้ก็จะดีมากเลยค่ะ
● ดูวีดีโอภาษาอังกฤษ
ถ้าคุณชอบใช้ช่วงเวลาว่าง ไถมือถือดู Reels บน Facebook, Instagram หรือว่าดู Shorts ดู วีดีโอบน YouTube
ขอแนะนำให้คุณหาช่องที่เจ้าของช่องพูดภาษาอังกฤษ ในหมวดหมู่ที่คุณชอบ ไม่ว่าจะเป็น ทำอาหาร ออกกำลังกาย ท่องเที่ยว
และแน่นอนค่ะ 1 ในนั้นก็คือช่องของ Fight For Fluency นี่เอง เข้าไปติดตามด้วยน๊า 🥰
คุณจะแปลกใจมาก ถ้ารู้ว่าแค่ 5-10 นาทีที่คุณดูวีดีโอนั้น คุณได้เรียนภาษาอังกฤษเพิ่มมากขนาดไหน
ถ้ายังไม่มีช่องในดวงใจ เบญได้รวบรวม 23 ช่อง YouTube เรียนภาษาอังกฤษ ไว้ให้แล้ว ลองเข้าไปดูเผื่อเจอช่องที่ชอบ
● ฟังพอดแคสต์ภาษาอังกฤษ
มีพอดแคสต์ภาษาอังกฤษดี ๆ เยอะเลย ที่จะช่วยให้คุณได้ฝึกฟังเวลาว่าง ๆ
ที่มีทั้งแบบสอนภาษาอังกฤษ และก็ฟังข่าวทั่วไป หรือฟังเรื่องต่าง ๆ เพราะนอกจากที่เราจะได้ฝึกฟังสำเนียงแล้ว เราจะยังได้รู้วัฒนธรรมต่าง ๆ ไปในตัวอีกด้วย
ใครที่ชอบเปิดอะไรฟังช่วงขับรถเล่น หรือนั่งที่สระว่ายน้ำเพลิน ๆ แนะนำเลย!
● เล่นเกมภาษาอังกฤษ
คุณทำให้การเรียนภาษาอังกฤษของตัวเองสนุกขึ้นได้ ด้วยการเล่นเกม!
ไม่ว่าจะเป็นเกม Uno, Bingo หรือว่า ทายคำศัพท์ ก็ช่วยให้คุณได้ใช้ภาษาอังกฤษแน่นอน
ถ้ามีเพื่อน พ่อแม่ หรือคนข้างบ้าน ที่สนใจภาษาอังกฤษเหมือนกัน ก็ชวนมารวมกลุ่มกันเลยค่ะ อาทิตย์ละครั้ง เล่นเกมภาษาอังกฤษด้วยกัน
กฎหลัก ๆ ของเราเลยก็คือ ต้องใช้ภาษาอังกฤษ เพราะส่วนใหญ่ก็จะง่าย ๆ อยู่แล้ว เช่น ตัวเลขภาษาอังกฤษ หรือสถานที่ภาษาอังกฤษ
ดูตัวอย่างเกมภาษาอังกฤษที่เล่นที่บ้าน หรือเกมภาษาอังกฤษออนไลน์ ที่ตัวเองชอบได้เลย และเอาไปเล่นสนุก ๆ แถมได้ใช้ภาษาอังกฤษด้วยจ้า!
● ฟังเพลงภาษาอังกฤษ
การฟังเพลงภาษาอังกฤษสนุก และช่วยให้คุณได้รู้จักกับคำศัพท์ใหม่ ๆ ด้วย
เลือกเพลงที่ตัวเองชอบ ใส่ใน playlist และฟังเพลิน ๆ ตอนไปวิ่ง ออกกำลังกาย หรือตอนทำอาหารอยู่ที่บ้านก็ได้
คุณจะแปลกใจว่า บางคนไม่เคยเรียนภาษาอังกฤษเลย แต่เค้าร้องเพลงภาษาอังกฤษได้ และออกเสียงได้แบบชัดเป๊ะ เพราะเค้าฟังเพลงบ่อยค่ะ
● อ่านหนังสือภาษาอังกฤษ
คุณไม่จำเป็นต้องเป็นหนอนหนังสือถึงจะอ่านหนังสือภาษาอังกฤษได้
เบญเองไม่ได้ชอบอ่านหนังสือขนาดนั้น แต่ก็มีหนังสือหลายแบบที่เบญอ่านแล้วสนุก และได้ฝึกออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษ
เช่น หนังสือนิทานภาษาอังกฤษ ที่อ่านง่าย ๆ แค่วันละ 5-10 นาที
แต่คุณจะได้ออกเสียง ได้ฟังเสียงตัวเอง ทำให้จำคำศัพท์ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
เห็นมั้ยคะว่า ไม่จำเป็นต้องเสียเงินเยอะ ๆ หรือมีเพื่อนฝรั่ง คุณเองก็ใช้ภาษาอังกฤษจากสิ่งที่คุณทำเป็นประจำอยู่แล้ว และสิ่งที่อยู่รอบตัวคุณได้
ทีนี้ก็โยนข้ออ้างที่บอกว่าไม่รู้จะใช้ภาษาอังกฤษกับใครทิ้งไปได้เลยนะคะ 🤭
4. อัพเดทคำศัพท์ แสลงใหม่ ๆ อยู่เสมอ
จากประสบการณ์ตรง บอกได้เลยว่า เราไม่มีวันอัพเดทคำศัพท์วัยรุ่นใหม่ ๆ ทัน 100% เสมอ (โดยเฉพาะภาษาไทย 😂)
แต่เราเรียนคำศัพท์ที่คนใช้กันประจำ และคำแสลงภาษาอังกฤษได้อยู่เสมอค่ะ
และนี่คือ 2 วิธีที่เบญใช้เรียนคำศัพท์เพิ่ม:
Flashcards: เป็นการ์ดคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ที่เราเอาคำศัพท์ไปใส่ไว้ ปริ้นออกมา และเอามาไว้เล่นเกม หรือว่าอ่านเพิ่มช่วงมีเวลาว่างก็ได้
แอพคำศัพท์ภาษาอังกฤษ: มีแอพเยอะแยะมากมาย ที่รวมคำศัพท์ภาษาอังกฤษไว้ให้คุณได้ฝึกง่าย ๆ บนมือถือ
แอพที่เบญชอบมากที่สุดก็จะเป็น Mondly เพราะสนุกมาก เหมือนได้เล่นเกม เค้ามีให้จับคู่ภาพกับคำศัพท์ เรียงคำศัพท์ และแชทโต้ตอบกับ bot

5. ฝึกแต่งประโยค เขียนเรื่องภาษาอังกฤษสั้น ๆ
การเขียนภาษาอังกฤษ หรือว่าไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ ไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากขนาดนั้น ถ้าเราฝึกใช้จริง มากกว่าแค่นั่งท่องจำเฉย ๆ ค่ะ
คุณอาจจะเห็นว่าเบญไม่ได้เน้นให้คุณเรียนเรื่องแกรมม่าเลยจากข้างบน เพราะเบญเชื่อว่าในทุก ๆ แนวทางที่เบญแนะนำให้ทำ ก็มีแกรมม่าแฝงอยู่ในนั้นอยู่แล้ว
แต่สิ่งหนึ่งเลย ที่จะช่วยให้คุณใช้ภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว และพูดออกมาโดยที่ไม่ต้องคิดนาน ๆ ก็คือการฝึกเขียนภาษาอังกฤษ
ทำง่าย ๆ โดยการฝึกแต่งประโยคภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง และการเขียนเรื่องสั้น Freewriting
ไม่ต้องยาว ไม่ต้องยาก ไม่ต้องซับซ้อน และไม่ต้องคิดมาก วิธีทำก็อยู่ตามที่เบญแปะลิงค์ไว้ให้เลยนะคะ เบญสอนไว้แบบละเอียดเลย เข้าไปดูได้

และไม่ต้องกังวลว่าจะเอาคำศัพท์มาจากไหน ก็จากข้อ 1-4 เลยค่ะ ถือว่าเป็นการรีวิวบทเรียนที่เรียนมา เพลงที่ฟัง หนังสือที่อ่าน ไปในตัว
6. เข้ากลุ่มแลกเปลี่ยนภาษา
เรามาถึงในยุคนี้กันแล้วทุกคน!!
ที่คนรวมตัวกันมาแลกเปลี่ยนภาษาที่เค้าอยากพูดได้ ทั้งออนไลน์ และแบบหน้าต่อหน้า
Meetup.com เป็นเว็บที่เบญได้ยินบ่อยมาก ในหมู่คนต่างชาติที่กรุงเทพ ที่เค้าเอาไว้หากลุ่มที่ตัวเองสนใจเข้า
ไม่ว่าจะเป็นท่องเที่ยว คาเฟ่ ร้านอาหาร และแน่นอน ภาษา 🥳

ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นการนั่งเรียน หรือมีครูมาสอน แต่คุณเองจะได้ไปเจอกับเพื่อนต่างชาติ และได้ใช้ภาษาอังกฤษที่ตัวเองซุ่มเรียนมา
กลุ่มส่วนใหญ่ที่เบญเห็นก็จะฟรีค่ะ ยกเว้นว่าอาจจะมีค่าเดินทาง หรือค่ากาแฟ ถ้าไปเจอกันที่ร้านกาแฟ
ยังไง ลองเข้าไปใส่ชื่อจังหวัดที่คุณอยู่ และดูว่ามีกลุ่มที่อยู่ใกล้ ๆ บ้านให้เข้าร่วมมั้ย ถ้าไม่มี เบญเห็นกลุ่มออนไลน์ก็มีค่ะ
7. จัดตารางเรียนที่ทำได้จริง
ข้อสุดท้ายนี้เอง ก็สำคัญไม่แพ้ข้ออื่น ๆ ข้างบนเลย
มีหลายคนที่เริ่มต้นด้วยการมีไฟ อยากเรียนภาษาอังกฤษ อยากเก่งภาษาอังกฤษ
แต่พอชีวิตโยนปัญหาเข้ามา งาน เรียน ลูก แฟน เพื่อน ปาร์ตี้ ก็ทำให้เค้ายอมแพ้ไปง่าย ๆ เพราะไม่มีตารางเรียน และเป้าหมายที่ชัดเจน
การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน และทำได้จริง เช่น เรียนคำศัพท์ใหม่ 10 คำ/อาทิตย์ หรือ เรียนกับ iTalki อาทิตย์ละ 2 ชั่วโมง
และเขียนลงตารางที่เราทำได้จริง ๆ เช่น แบ่งเวลาให้การเรียนภาษาอังกฤษวันละ 30-1 ชม. ต่อวัน วันเสาร์-อาทิตย์ พักผ่อน
เบญได้เขียนโพสต์ วิธีการจัดตารางเรียนภาษาอังกฤษที่ทำได้จริงแบบละเอียดยิบ ไว้ให้แล้ว ลองเข้าไปดูควบคู่กันไปนะคะ
เมื่อเรามีเป้าหมาย และตารางที่ชัดเจน จะทำให้เราบันทึกได้ว่าเราได้ทำสำเร็จไปกี่อย่างแล้ว เมื่อเราท้อก็กลับมาดูว่าเราได้มาไกลขนาดไหนแล้วจากวันแรก
ทำให้เรารู้ว่า เราจะให้การเรียนภาษาอังกฤษเป็นลำดับความสำคัญแรก ที่เมื่อมีเพื่อนชวนไปเที่ยววันธรรมดา เวลาเดียวกับที่เราต้องเรียน เราจะเลือกเรียนก่อน
และก็อย่าลืมที่จะให้รางวัลตัวเอง เมื่อทำตามเป้าหมาย และตารางของเราได้สำเร็จ
การเห็นค่าของความพยายาม และสิ่งเล็กน้อยที่เราได้ทำ ก็จะยิ่งเป็นกำลังใจให้เราทำสิ่งที่ใหญ่ขึ้นในอนาคต
หวังว่าคุณจะได้ประโยชน์จากโพสต์นี้ ที่เบญตั้งใจเขียนขึ้นมาจริง ๆ เพื่อคนที่มีฝันยิ่งใหญ่ อยากจะไปเรียนต่อ หรือทำงานที่ต่างประเทศค่ะ
เบญเชื่อว่าความฝันของคุณเป็นจริงได้แน่ แค่ต้องมีความหนักแน่น สม่ำเสมอ และเริ่มเลยในวันนี้
ถ้ามีแผน หรือมีฝันที่อยากไปเรียนต่างประเทศ คอมเม้นมาบอกกันบ้างนะคะว่าที่ประเทศอะไร
เบญเป็นกำลังใจให้ และสนับสนุนในทุก ๆ ก้าวของความฝันของคุณเลยค่ะ ✈️🤗