สรุปมาให้แล้ว 7 วิธี เรียนภาษาอังกฤษยังไงให้ได้ผลจริง มาดู!

By

ในชีวิตและการเดินทางของการเรียนภาษาอังกฤษของเบญเองมาตลอด 10+ ปี นี่เป็นสิ่งที่คุณเองต้องรู้ และทำตาม

เพระเบญเองเคยเสียเวลาหลายปีไปกับการเรียนภาษาอังกฤษมั่ว ๆ และรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้พัฒนาอะไรขึ้นเลย

แต่นี่คือวิธีที่เบญทำแล้ว สรุปแล้วว่า ได้ผลจริง และเป็นวิธีที่ยิ่งทำด้วยกัน ก็จะยิ่งทำให้การเรียนภาษาอังกฤษของคุณประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น

ถ้าคุณอยากเก่งอังกฤษ อยากเรียนภาษาอังกฤษให้ได้ผล ลองเปิดใจ และทำตามดูค่ะ

1. เรียนกับครูเจ้าของภาษา

จากประสบการณ์จริงที่ได้ลองเรียนภาษาอังกฤษหลากหลายแบบ ทั้งเรียนด้วยตัวเอง เรียนที่โรงเรียนสอนภาษา แต่บอกได้เลยค่ะว่า…

วิธีที่ได้ผลมากที่สุดก็คือ การเรียนภาษาอังกฤษกับครูเจ้าของภาษาแท้ ๆ

คอร์สที่เบญอยากแนะนำมากที่สุดก็คือ iTalki เพราะไม่ใช่คุณเลือกครูได้เอง แต่ยังบอกคุณครูได้อีกว่าคุณอยากจะเรียนภาษาอังกฤษเน้นไปที่เรื่องอะไร

iTalki

บอกได้เลยว่า ทั้งชั่วโมงที่คุณจะได้เรียนกับคุณครูแบบตัวต่อตัวออนไลน์ ได้ฝึกพูด-ฟังภาษาอังกฤษเต็ม ๆ แถมคุณครูจะช่วยบันทึก และบอกเราด้วยว่าเราต้องแก้ตรงไหน

ทำให้เราไม่ต้องมานั่งหาบทเรียนเอง และพยายามด้วยตัวเอง แต่ก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองนั้นพัฒนาขึ้นจริงหรือเปล่าค่ะ

การเรียนภาษาอังกฤษนี้นั้นก็สนุก ทำให้เราได้ฝึกใช้ภาษาอังกฤษจริง ๆ และเพิ่มความมั่นใจให้เรากล้าสื่อสารกับฝรั่งอีกด้วยน๊า

รับรองเลยว่าถ้าคุณเรียนภาษาอังกฤษกับ iTalki แบบสม่ำเสมอ ก็จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในภาษาอังกฤษของตัวเองได้ในไม่ช้าเลยค่ะ

แค่วิธีแรกคุณก็เห็นได้แล้วใช่มั้ยคะ ว่าจะช่วยให้คุณเก่งภาษาอังกฤษได้จริง!!

2. เน้นการสนทนาภาษาอังกฤษไม่ใช่แกรมม่า

หมดยุคที่ต้องมานั่งท่องแกรมม่าแล้วเวลาใช้จริงก็ลืมแล้วค่ะ…

ถ้าคุณอยากเรียนภาษอังกฤษให้ได้ผลจริง ๆ คุณเองต้องเน้นไปที่ประโยคภาษาอังกฤษ และการสนทนาภาษาอังกฤษ

ทำไมน่ะหรอ?

ก็เพราะว่าการท่องจำแกรมม่าจะทำให้เราพูดเหมือนหุ่นยนต์ แถมต้องคิดนานเพราะมัวแต่เรียงคำให้ถูกหลักไวยากรณ์ หรือบางทีก็ตื่นเต้นจนลืมไปหมด และทำให้ไม่กล้าพูด

การเน้นแบบสนทนา จะทำให้คุณรู้หลักว่า เวลาที่เจอคำถามนี้ ต้องตอบยังไง หรือว่าเวลาที่อยู่ในสถานการณ์แบบนี้จะมีประโยคไหนบ้างที่จะเข้ามาช่วยชีวิตคุณ เช่น

บทสนทนาภาษาอังกฤษในร้านอาหาร

บทสนทนาภาษาอังกฤษคุยโทรศัพท์กับเพื่อน

บทสนทนาภาษาอังกฤษทักทาย

บทสนทนาภาษาอังกฤษในโรงแรม

รวมประโยคคำถามภาษาอังกฤษที่เจอบ่อย

ซึ่งถ้าคุณเรียนภาษาอังกฤษกับคุณครูบน iTalki ก็จะได้ฝึกสนทนาจริง ๆ และทำให้เห็นว่าภาษาอังกฤษของคุณพัฒนาไปได้เร็วขึ้น โดยที่ไม่ต้องนั่งท่องแกรมม่าเลย

และไม่ต้องห่วงว่าคุณจะพูดแบบ Broken English เพราะว่าเมื่อคุณเรียนบทสนทนาและประโยคแล้ว คุณเองจะเริ่มเข้าใจหลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษควบคู่ไปด้วยกันเลย

3. ใช้ Flashcard ช่วยจำคำศัพท์

ถ้าคุณเป็นอีกคนที่ความจำแย่เหมือนเบญ วิธีนี้จะช่วยคุณได้แน่นอนค่ะ

ยังไม่รู้ใช่มั้ยคะว่า Flashcard คืออะไร และโหลดได้จากที่ไหน << เข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้เลย

Flashcard การ์ดคำศัพท์ภาษาอังกฤษ

Flashcard คำศัพท์ภาษาอังกฤษนี้ จะเป็นตัวช่วยให้คุณได้รู้จักกับคำศัพท์เพิ่มเติม และยังช่วยรีวิวคำศัพท์ที่คุณรู้อยู่แล้วอีกด้วย

พกไปไหนมาไหนก็สะดวก เอามาเล่นเกม ฝึกแต่งประโยคง่าย ๆ ก็ยังได้เลยค่ะ

อีกหนึ่งวิธีที่ง่าย ๆ ที่ห้ามมองข้าม เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในการเรียนภาษาได้อย่างแน่นอนเลย

4. พูดภาษาอังกฤษกับตัวเองทุกวัน

เชื่อเลยว่า คุณเองต้องเคยคุยกับตัวเองในทุกวัน 🤭

ตื่นมาเช้าวันนึง และเบญรู้สึกว่า จริง ๆ ฉันก็คุยกับตัวเองบ่อยมากนะ เป็นภาษาไทย ทำไมจะคุยกับตัวเองเป็นภาษาอังกฤษไม่ได้ล่ะ

ก็เลยลองเรียบเรียงประโยคภาษาอังกฤษ และพูดภาษาอังกฤษกับตัวเองเล่น ๆ ดูค่ะ แต่ผลลัพธ์นี่สุดยอดเลย

ตอนนี้คุณอาจจะคิดว่า คุยกับตัวเองนี่ต้องคุยเรื่องอะไรบ้างหรอ

คนที่คุยกับตัวเองเป็นงานประจำอย่างเบญบอกได้เลยว่า… ส่วนใหญ่ก็จะเป็นสิ่งที่เราจะทำวันนี้ อาจจะฝึกการเขียน To do list เป็นภาษาอังกฤษด้วย

หรือบางครั้งก็คุยกับตัวเองตอนที่อยู่ในห้องน้ำค่ะ พูดถึงสิ่งที่เราฝันเมื่อคืน สิ่งที่เราอยากจะกินวันนี้ สิ่งที่เราอยากจะเตือนตัวเองไม่ให้ลืม หรือแม้กระทั่งให้กำลังใจตัวเองเป็นภาษาอังกฤษค่ะ

เรารู้ว่าการใช้ชีวิตแต่ละวันนั้นไม่ง่ายเลย และเราไม่ต้องรอให้คนอื่นมาให้กำลังเราด้วยค่ะ เราบอกกับตัวเองได้เลย เช่น You got this! You can do this, Ben!

โดยเฉพาะถ้าคุณไม่ได้มีเพื่อนฝรั่งให้พูดภาษาอังกฤษด้วยทุกวัน แต่อย่าลืมนะคะ คนที่คุณอยู่ด้วยทุกวัน และพูดภาษาอังกฤษได้ด้วยทุกวัน ก็คือตัวคุณเอง ❤️

และคุณจะได้เห็นเลยว่า คุณเองจะได้เอาคำศํพท์ และประโยคภาษาอังกฤษที่เพิ่งเรียนมาจากวิธีที่ 1-3 มาใช้จริงด้วยการคุยกับตัวเองแบบอัตโนมัติเลยค่ะ

5. เขียน Freewriting ในตอนเช้า

วิธีนี้เป็นอีกความลับหนึ่งที่คุณอาจจะไม่เคยได้ยิน ไม่เคยได้ทำ หรือไม่เคยรู้จักมาก่อนค่ะ

สิ่งที่จะช่วยให้คุณเริ่มเล่าเรื่องเป็นภาษาอังกฤษได้ยาวขึ้น หรือว่าเริ่มแต่งประโยคภาษาอังกฤษได้มากขึ้น ก็คือการเขียน Freewriting นั่นเอง

ถ้าอยากรู้ว่า Freewriting คืออะไร และเขียนยังไง ก็เข้าไปอ่านเต็ม ๆ ได้เลยนะคะ

ปกติแล้ว ถ้าเบญมีเวลาก็จะเขียนทุกเช้าเลยค่ะ ใช้เวลาแค่ 5-10 นาทีเท่านั้นเอง เขียนเรื่องเกี่ยวกับตัวเองก็ได้ หรือว่าแต่งเรื่องเล่น ๆ เป็นนิทานสั้นก็ดีค่ะ

ถ้าใครไม่มีเวลาตอนเช้าทุกวันจริง ๆ แค่วันหยุด หรือว่าเสาร์อาทิตย์ที่เราว่างก็ได้ค่ะ

มันเป็นการฝึกการเขียนภาษาอังกฤษ โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าเราจะเขียนถูกหรือผิด เพราะว่าหลังจากนั้น เราใช้โปรแกรมตรวจไวยากรณ์ฟรี Grammarly ช่วยตรวจให้ได้เลยค่ะ

การทำแบบนี้จะช่วยให้เราได้ฝึกแต่งเรื่อง แนะนำตัวเองเป็นเรื่องราวมากขึ้น ได้ใช้คำเชื่อมภาษาอังกฤษ ใช้หลักไวยากรณ์นิดหน่อยให้คุ้นชิน และฝึกพิมพ์ภาษาอังกฤษด้วย

อาจจะเริ่มจากเขียนน้อย ๆ และพอฝึกไปเรื่อย ๆ คุณเองจะเขียนได้ยาวขึ้นค่ะ

6. เลือกสำเนียง และฝึกออกเสียงให้เหมือนเป๊ะ

ลืมสำเนียง และการออกเสียงภาษาอังกฤษที่คุณเคยเรียนที่โรงเรียนตอนเด็กไปได้เลย

เพราะจริง ๆ แล้ว การออกเสียงภาษาอังกฤษนั้นต่างจากภาษาไทยมาก ๆ ถ้าคุณเองยังอ่านภาษาอังกฤษโดยการใช้คำอ่านแบบคาราโอเกะต้องเปลี่ยนด่วนเลยค่ะ!!

เบญเองเสียเวลาไปหลายปี ที่คิดว่า ฝึกอ่านภาษาอังกฤษด้วยการเขียนภาษาไทยจะทำให้เราออกเสียงได้เก่งขึ้น เช่น Ball = บอล แต่เพราะว่าภาษาไทยเราไม่ออกเสียง ล จากตัวท้าย ทำให้คำนั้นหลายเป็น บอน ซึ่งผิดมาก ๆ เลยค่ะ

สิ่งที่ทำให้เบญเอะใจก็คือ ทำไมฉันพูดภาษาอังกฤษแล้วฝรั่งทำหน้างง 🤔

มาเจอข้อสรุปก็คือ ตัวเองออกเสียงภาษาอังกฤษผิด โดยเฉพาะตัว th, r, l, st ที่ภาษาไทยไม่มี และเมื่อเราออกเสียงผิด ความหมายมันก็จะเปลี่ยนไปด้วยค่ะ

ฉะนั้นไม่ว่าคุณอยากจะพูดภาษาอังกฤษสำเนียงไหนได้ เลือกที่ตัวเองชอบ และเข้าไปศึกษาการออกเสียงที่ถูกต้องของเค้า จะทำให้คุณประหยัดเวลาเรียนไปหลายปีเลย

เทคนิคการออกเสียงในแต่ละสำเนียงก็เข้าไปฝึกด้วยตัวเองตามข้างล่างนี้เลยจ้า

ฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกัน

ฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษสำเนียงบริติช

ฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษสำเนียงออสซี่

7. ตั้งเป้าหมาย และจัดตารางเรียนภาษาอังกฤษ

วิธีสุดท้ายของเรานี้ ก็สำคัญมาก ๆ ไม่แพ้กับวิธีอื่นเลย เพราะเบญเชื่อว่า ต่อให้คุณทำตามข้อ 1-6 แต่ไม่ทำข้อนี้ คุณเองอาจจะไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่ฝันไว้ก็ได้

อยากให้คุณลองนั่งคิดกับตัวเองสัก 10 นาที และเขียนลงในกระดาษถึงเป้าหมายที่คุณอยากเห็นในการเรียนภาษาอังกฤษนี้

เช่น พูดภาษาอังกฤษได้โดยไม่ต้องคิดนาน ๆ หรือกล้าคุยกับฝรั่ง

รวมถึงการจัดตารางเรียนภาษาอังกฤษ แบ่งเวลาให้แน่ชัด และพยายามทำมันให้ได้ ถ้าเราไม่แบ่งเวลา อย่างอื่นก็จะเข้ามาดึงให้เราไปทำแทน สุดท้ายแล้วเราก็ไม่ได้เริ่มเรียนภาษาอังกฤษสักที

ไม่ว่าจะทำ To do list ของแต่ละวัน ว่าอยากจะเรียนยังไง ฝึกยังไงบ้าง ก็เขียนออกมา และปฏิบัติกับการเรียนนี้แบบตั้งใจจริง ๆ ค่ะ

เบญเชื่อว่าถ้าคุณตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษแล้ว คุณเองจะได้เห็นผลลัพธ์ที่ดีงามของมันแน่นอน

หวังว่า 7 วิธีนี้จะช่วยให้คุณมีกำลังใจว่า… คุณก็เก่งภาษาอังกฤษได้ การเรียนภาษาอังกฤษก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด และได้ผลจริง

งั้นเรามาทำวิธีที่ 1 พร้อมกันเลยในตอนนี้ดีมั้ยคะ

คือการ ลงทะเบียนหาครูฟรีที่ iTalki เข้าไปจองเวลาเรียน และเริ่มเรียนเลยวันนี้!

บอกได้เลยว่าแค่เริ่มทำวิธีที่ 1 ในวันนี้ คุณจะรู้สึกดีกับตัวเองมาก และมองย้อนกลับมาในวันนี้อีก 3 เดือน และขอบคุณตัวเอง ที่ตัดสินใจ และเริ่มเรียนภาษาอังกฤษในวันนี้ 🎯

เลือกการแจ้งเตือน *สำคัญมาก
แจ้งเตือน
guest

0 Comments
Inline Feedbacks
ดูคอมเม้นทั้งหมด

ปลดล็อค ความมั่นใจ ในภาษาอังกฤษของคุณด้วย Survival English Course เพิ่งเริ่มเรียน ก็เก่งได้

เรียนที่ไหน เมื่อไหร่ก็ได้

เรียนกับเจ้าของภาษา

บทเรียนวิดีโอสนุก เข้าใจง่าย

ถูกกว่าโรงเรียน 99%